ข่าวเย็นประเด็นร้อน - พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงเหตุการณ์ยิง สารวัตรแบงค์ ที่เห็นจากกล้องวงจรปิด นอกจากจะระบุว่าเหตุการณ์หลังการยิงเป็นอย่างไร ยังระบุว่าตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ให้การไม่ตรงกับภาพในวงจรปิด ซึ่งวันนี้ ข่าวเย็นประเด็นร้อน ได้พูดคุยกับตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์บางส่วนถึงสิ่งที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้หลังเกิดเหตุใหม่ ๆ
บิ๊กโจ๊ก เผยตำรวจในงานเลี้ยง กำนันนก พกปืนแทบทุกนาย ให้การไม่ตรง
เมื่อคืนนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุหลังได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดว่า ภาพที่กู้ได้จากเซิร์ฟเวอร์ 13 ตัว สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ เห็นภาพและได้ยินเสียงชัดเจนว่าใครทำหน้าที่อะไรก่อนและหลังเกิดเหตุ ใครโกหกว่าช่วยเหลือคนเจ็บ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ช่วย สรุปภาพรวมได้ว่า จากคำให้การทั้งหมด ทุกคนให้การขัดแย้งกับข้อเท็จจริง เป็นการให้การเท็จต่าง ภาพที่ออกมาเห็นได้ชัดเจนว่าคนเจ็บอยู่ในลักษณะอย่างไร การก่อเหตุเป็นอย่างไร สอดรับกับแนวทางการสืบสวนในวันเกิดเหตุ พบว่าทั้งตำรวจและพลเรือนเกือบทุกคนพกปืนจำนวนมาก แต่ว่าต่างคนต่างหนีหลังปืนนัดแรกดังขึ้น ไม่มีใครพยายามที่จะระงับเหตุ
ส่วนวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มในประเด็นนี้ว่า เซิร์ฟเวอร์วงจรปิดชุดที่ 2 กู้ได้แล้ว เป็นภาพรอบจุดเกิดเหตุ ที่จะเห็นว่าใครพาตำรวจที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล และใครพา กำนันนก หนี ซึ่งจะช่วยมัดบุคคลในเหตุการณ์เพิ่มขึ้น ที่สำคัญ ตำรวจในจุดเกิดเหตุมีปืนกันแทบทุกนาย แต่มาอ้างว่าไม่ได้พกปืน ซึ่งเป็นคำให้การไม่ตรงตามจริงที่บอกว่าไม่ได้พกปืน โดยตำรวจลงพื้นที่แบบนั้น ต้องพกปืนอยู่แล้ว ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ย้อนคำให้การ ตร.ร่วมงานเลี้ยง กำนันนก ใครพูดอย่างไร
งานเลี้ยงที่สำนักงานของกำนันนก เมื่อคืนวันที่ 6 กันยายน มีตำรวจร่วมอยู่ในงานเลี้ยง 28 นาย ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เคยแบ่งตำรวจ 25 นาย ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล 9 นาย 2.กลุ่มที่หนีไป 10 นาย และ 3. กลุ่มที่ควบคุมพื้นที่ ช่วยกำนันนกหลบหนี 6 นาย และต่อมาพบว่ามีตำรวจอีก 3 นาย อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย รวมเป็น 28 นาย
หลังเกิดเหตุ 2 วัน ข่าวเย็นประเด็นร้อน สัมภาษณ์ตำรวจ 2 นาย ในกลุ่มที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล คือ พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการ สน.พญาไท และ พ.ต.ท.ภทร วรญาวิศุทธิ์ สารวัตรสืบสวน สภ.สระยายโสม จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งวันนี้ ทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถามอีกครั้ง หลังจากที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ให้การไม่ตรงกับภาพวงจรปิดที่กู้ได้
พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการ สน.พญาไท บอกว่า ตนยังบอกเหมือนเดิม ตอนที่เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว คือหลังเกิดเหตุ ได้ให้ลูกน้องนำตัว สารวัตรแบงค์ ขึ้นรถโตโยต้าแคมรี่ ของดาบตำรวจชนาณัฐ วุฒิยากร ตำรวจทางหลวง ส่วนตนขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งเป็นรถส่วนตัว ตามไป เพื่อรักษาความปลอดภัยอยู่ด้านหลัง เนื่องจากกลัวว่าจะถูกลูกน้องของกำนันตามมายิงอีก โดยตอนที่ขึ้นรถก็หยิบปืนในกระเป๋าที่วางไว้ในรถมาเตรียมไว้ และโทรศัพท์คุยกับ ดาบตำรวจชนาณัฐ ตลอดเวลา เพื่อให้พาตัว สารวัตรแบงค์ ไปที่โรงพยาบาลสินแพทย์นครปฐม แต่ว่าช่วงเข้าตัวเมือง บริเวณสามแยกปั๊มน้ำมันพีที ดาบตำรวจชนาณัฐ ขับรถแคมรี่นำ สารวัตรแบงค์ เลี้ยวซ้ายไปโรงพยาบาลนครปฐม ส่วนรถของตนช่วงจังหวะนั้นทิ้งระยะห่าง ไม่เห็นว่ารถแคมรี่เลี้ยวซ้าย จึงเลี้ยวขวาเพื่อไปโรงพยาบาลสินแพทย์ แต่เมื่อคุยโทรศัพท์กับ ดาบตำรวจชนาณัฐ จึงเลี้ยวกลับและตามไปที่โรงพยาบาลนครปฐม ถึงช้ากว่ารถของ ดาบตำรวจชนานัฐ ประมาณ 8 นาที ตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล ส่วนที่ รอง ผบ.ตร. แถลงระบุตำรวจในเหตุการณ์ให้การไม่ตรงกับภาพวงจรปิด อาจเป็นช่วงนาทีหลังเกิดเหตุที่มีความสับสน ซึ่งตรงนี้ต้องดูอีกทีหนึ่ง
ตำรวจอีกนาย คือ พ.ต.ท.ภทร วรญาวิศุทธิ์ สารวัตรสืบสวน สภ.สระยายโสม จังหวัดสุพรรณบุรี ยืนยันเหมือนเดิมว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ นายหน่อง ยิง สารวัตรแบงค์ เป็นจังหวะที่ตนเข้าห้องน้ำพอดี ได้ยินเสียงปืนดัง เมื่อออกมาดูเกิดความโกลาหล จึงเข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บคือ พ.ต.ท.วศิน พันปี ไปส่งโรงพยาบาล ส่วนที่ รอง ผบ.ตร. ระบุ ตำรวจในที่เกิดเหตุให้การไม่ตรงวงจรปิด ตรงนี้ไม่รู้เหมือนกัน และยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุไปเข้าห้องน้ำจริง ยังคงยืนยันเหมือนที่บอกตอนแรก
ส่วนตำรวจอีกหลายนาย ที่ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถามในวันนี้ ส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใด ๆ บอกว่า ยังอยู่ระหว่างการถูกสอบสวน จึงให้สัมภาษณ์อะไรมากไม่ได้
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม