ความคืบหน้า ! ปมตำรวจบุกจับ “ลูกหมอ” โรงพยาบาลดัง ตระเวนทุบรถ-ลักทรัพย์ จ.ชลบุรี

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ความคืบหน้ากรณี ตำรวจพัทยา บุกไปจับกุม ลูกหมอ โรงพยาบาลดัง หลังไปก่อเหตุ ตระเวนทุบกระจกรถ-ลักทรัพย์ เพื่อหาเงินปาร์ตีกับกลุ่มเพื่อน ล่าสุด ผู้การฯจังหวัดชลบุรี เผยว่า ถือเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมาก

 

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเป็นแก๊งชาวจีน แจ้งความตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ว่าถูกทุบกระจกรถยนต์ ขณะไปจอดรับประทานอาหาร บนถนนเทพประสิทธิ์ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และถูกลักทรัพย์เป็นเงินสด สกุลหยวน, เงินสกุลฮ่องกง, เงินสกุลเมาก๊า, กระเป๋าเงิน, พระเครื่อง 6 องค์ และเอกสารการเดินทาง รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ จนกระทั่งรู้ตัวคนร้าย คือ นายก้องภพ อายุ 42 ปี พักอาศัยอยู่ที่โรงแรมหรู ย่านพัทยาเหนือ จึงแสดงตัวเข้าจับกุม

 

นอกจากนี้ เมื่อไปตรวจค้นรถยนต์หรูของ นายก้องภพ ก็พบเงินสกุลต่างประเทศจำนวนมาก ต่างหูล้อมเพชร นาฬิกา 2 เรือน พระเครื่อง 5 องค์ และบัตรเครดิตจำนวน 2 ใบของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นของนักธุรกิจชาวจีน ซุกซ่อนอยู่ท้ายกระโปรงรถ ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

 

ล่าสุดวันนี้ พลตำรวจตรี ชมชวิณ ปุระธานนท์ รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้แถลงความคืบหน้าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเกี่ยวกับคดีที่สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ขยายผลติดตามจับกุมโดยเร็ว และจากการสืบค้นประวัติ พบว่าก่อนหน้านี้ นายก้องภพ เคยก่อเหตุลักทรัพย์มาแล้วหลายคดี รวมทั้ง มีเรื่องของยาเสพติด โดยล่าสุดเคยก่อเหตุทุบกระจกรถลักทรัพย์ในพื้นที่ สน.คันนายาว แต่ได้ประกันตัวออกมา เพื่อรอขึ้นศาล กระทั่งมาก่อเหตุในพื้นที่เมืองพัทยา และถูกจับกุมตัวได้อีกครั้ง ส่วนการสอบสวน คนร้ายให้การอ้างว่า ได้มาเช่าโรงแรมย่านจอมเทียน แล้วไปเช่ารถจักรยานยนต์ขี่ตระเวนก่อเหตุ ก่อนกลับเข้าโรงแรม เพื่อเตรียมปาร์ตีกับกลุ่มเพื่อน ทั้งนี้ มีรายงานว่า พ่อแม่ของนายก้องภพ เป็นบุคคลในวงการแพทย์ โดยพ่อเป็นถึงอดีตรอง ผอ.โรงพยาบาลเกี่ยวกับสุขภาพจิต ส่วนแม่เป็น แพทย์หญิง ในโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง

 

ภายหลังการแถลงข่าว ผู้เสียหายชาวจีน 2 รายและเพื่อน ได้เดินทางมามอบกระเช้าเพื่อแสดงความขอบคุณที่สามารถนำทรัพย์สินกลับคืนมาได้บางส่วน ส่วนทรัพย์สินที่เหลือทางเจ้าหน้าที่รับว่าจะติดตาม เพื่อนำมาคืนให้ต่อไปในภายหลัง