ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เศรษฐา นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ก่อนมีมติลดค่าไฟฟ้า และน้ำมันดีเซล พร้อมเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ จากเดือนละ 1 รอบ เป็นเดือนละ 2 รอบ
ครม.นัดแรกจัดหนัก ! ลดค่าไฟ-ราคาน้ำมัน
ความเคลื่อนไหวการเมืองวันนี้ (13 ก.ย.) เริ่มกันที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ซึ่งเป็นการประชุมเต็มคณะ โดย นายเศรษฐา สวมชุดผ้าไทยสีน้ำเงินเข้ม สวมถุงเท้าสีแดง เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาลในเวลา 08.22 น. พร้อมกล่าวก่อนการประชุมตอนหนึ่งว่า ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเป็นกำลังใจ และตอบคำถามฝ่ายค้าน ระหว่างการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 11-12 กันยายนที่ผ่านมา
จากนั้น นายเศรษฐา แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาสำคัญ ๆ และเกี่ยวเนื่องกับปากท้องประชาชน เช่น มติจัดตั้งคณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีเฉลิมพระเกียรติครบ 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในปีหน้า เพื่อให้ สมพระเกียรติ และประชาชนได้มีส่วนร่วม
มติปรับลดค่าไฟฟ้า เป็น 4.10 บาท ต่อกิโลวัตต์-ต่อชั่วโมง จากเดิมที่จัดเก็บในอัตรา 4.45 บาท โดยเริ่มตั้งแต่รอบบิลเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป พร้อมลดราคาน้ำมันดีเซล ให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร เริ่มต้นวันที่ 20 กันยายน ส่วนกลุ่มเบนซิน ยังอยู่ในการพูดคุย แต่จะทยอยมีมาตรการออกมา มติเรื่องการพักหนี้เกษตรกร และกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก เป็นเวลา 3 ปี
เห็นชอบวีซาฟรีชั่วคราว สำหรับผู้ที่เดินทางจากจีน และคาซัคสถาน ซึ่งจะเดินทางเข้าประเทศไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยานยน 2566 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดย นายเศรษฐา ระบุว่า เป็นการยกเว้นชั่วคราว เพื่อดูผลกระทบก่อน พร้อมยืนยันว่ามาตรการผ่านการพูดคุยฝ่ายความมั่นคง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยแล้ว
มติเปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการ จากเดือนละ 1 รอบ เป็นเดือนละ 2 รอบ คาดว่าจะบังคับใช้ได้ในวันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ซึ่งเรื่องนี้ นายเศรษฐา เชื่อมั่นว่า จะเป็นการบรรเทาทุกข์ให้ข้าราชการชั้นผู้น้อย
ส่วนมติอื่น ๆ เช่น การแก้ไขปัญหาความเห็นต่างเรื่องรัฐธรรมนูญ เห็นชอบให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งหลังจากนี้ นายภูมิธรรม จะแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ โดยยึดแนวทางศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ
เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์ เพื่อสร้างรายได้ และเพิ่มโอกาสให้ประชาชน
ครม.ไฟเขียว 990 ล้านบาท อุดหนุนเด็กแรกเกิด
ขณะที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้พิจารณางบประมาณสำหรับอุดหนุนเด็กแรกเกิด 0-6 ปี เดือนละ 600 บาท เดือนกันยายน 2566 วงเงินรวม 990 ล้านบาท หลังจากนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำส่งมติเร่งด่วนไปยังกระทรวง โดยเชื่อว่าวันพรุ่งนี้ (14 ก.ย.) เงินทั้งหมดจะไปอยู่ในถังของกรมบัญชีกลาง เพื่อกระจายเข้าสู่บัญชีของประชาชนแต่ละครอบครัว จำนวน 2,254,000 กว่าราย ในวันที่ 18 กันยายนนี้ ได้อย่างแน่นอน
ยื่นสอบปม เศรษฐา ซื้อสลากฯ แพง
ไปต่อกันที่ความเคลื่อนไหวของ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ไต่สวนและวินิจฉัย เอาผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา นายเศรษฐา ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ตกใบละ 120 บาท ถือเป็นราคาเกินกว่าที่สำนักงานสลากฯ กำหนด และเป็นการส่งเสริมสนับสนุน ให้แม่ค้ากระทำความผิด มีโทษทั้งอาญา และจริยธรรม ซึ่งผลสลากฯ งวดดังกล่าว นายเศรษฐา ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว (เลข 91)
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เมื่อแม่ค้าขายสลากฯ แพงเกินกว่าที่กำหนด ย่อมมีความผิดตามมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 2517 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ส่วนกรณีของผู้ซื้อ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และมาตรา 86 ถือเป็นตัวการร่วม หรือเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงมีเรื่องฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงเข้ามาเกี่ยวด้วย
ศาล รธน.ไม่รับคำร้อง 2 ปมร้อน
ปิดท้ายผลการประชุมคดีสำคัญของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีคดีที่น่าสนใจ เช่น คำร้องของ นายบัณฑิต พุ่มทิพย์ ขอให้พิจารณาวินิฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา มีคำสั่งให้ลงมติในการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลเพื่อแต่งตั้ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภามีมติว่าไม่สามารถเสนอชื่อซ้ำได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าว มีลักษณะเป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองฯ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
ผลการพิจารณาเห็นว่า เอกสารประกอบคำร้อง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา
ส่วนคำร้องที่นายณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ และพรรคเป็นธรรม มีความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะหมวด 1 และ หมวด 2 รวมถึงมีส่วนร่วมในกิจกรรมของกลุ่มบุคคล ที่มีแนวคิดเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ เป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองฯ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่
ซึ่งผลการพิจารณาเห็นว่า การดำเนินการของผู้ถูกร้องทั้งสาม หากเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพที่ไม่ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ส่วนข้อกล่าวอ้างเรื่องแบ่งแยกดินแดน เอกสารคำร้องไม่ปรากฏข้อเท็จจริง ศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
ดรามา ! มติจ่ายเงินเดือนข้าราชการ เดือนละ 2 รอบ
ภายหลังนายเศรษฐา ออกมาแถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะมติเปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการ จากเดือนละ 1 รอบ เป็นเดือนละ 2 รอบนั้น ล่าสุดได้กลายเป็นกระแสดรามาในโลกโซเชียลทันที และต่างพากันติดแฮชแท็กคำว่า #เงินเดือนข้าราชการ
ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย หากจะมีการแบ่งจ่ายเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ เป็นเดือนละ 2 รอบ พร้อมให้เหตุผลต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้หนี้ยืมสิน ที่ต้องชำระตามรอบทุกสิ้นเดือน หรือต้นเดือน ขณะที่บางคนระบุว่า เงินเดือน (แบบเต็มเดือน) ของข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็ไม่เพียงพออยู่
เช่นเดียวกับ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.โพสต์เฟซบุ๊กว่า
1.เป็นการคิดแบบเร็ว ๆ หรือมีการศึกษาวิจัยอยู่เบื้องหลัง และสอบถามความเห็นจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องหรือยัง
2.ระบบการเบิกจ่ายเงินเดือนของกรมบัญชีกลาง ต้องปรับใหม่ เป็นภาระทางธุรการแก่ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง
3.ระบบเงินเดือนข้าราชการ ยังผูกกับเงินหักหนี้สินต่าง ๆ เช่น เงินกู้สหกรณ์ ซึ่งระบบดังกล่าวต้องแบ่งเป็น 2 งวดตามด้วย หากแบ่งไม่ได้จะสร้างภาระแก่ข้าราชการในครึ่งเดือนแรก
4.ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เงินกู้ธนาคาร หนี้บัตรเครดิต ทั้งหมดชำระเป็นรายเดือน และเป็นของเอกชน ที่อาจไม่สามารถขอผ่อนผันจ่ายเป็น 2 งวดต่อเดือนได้
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เศรษฐา นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ก่อนมีมติลดค่าไฟฟ้า และน้ำมันดีเซล พร้อมเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ จากเดือนละ 1 รอบ เป็นเดือนละ 2 รอบ
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35