หนุ่มสุดงง อยู่ดี ๆ ก็มีประวัติคดียาเสพติด 2 คดี ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ก่อนจะทราบว่าถูกชายแปลกหน้า สวมชื่อสำเนาบัตรประชาชนก่อความผิด ต้องวิ่งวุ่นแก้ประวัติยืนยันความบริสุทธิ์ เพราะเขามี 11 นิ้ว ขณะที่ผู้ต้องหามี 10 นิ้ว แต่ตอนนี้ยังทุกข์ หนักเกือบโดนไล่ออกจากงาน พร้อมเสียโอกาสสมัครงานใหม่หลายที่
วันที่ 6 ก.ย. 2566 ธวัชชัย เถาชาลี (แบงค์) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อ 2554 ตนถูกกรมคุมประพฤติเรียกไปรายงานตัว ในคดียาเสพติด ทั้งที่ตนไม่ได้ไปก่อคดีอะไรเลย เมื่อไปพบจึงทราบว่า สภ.เมืองพัทยา จับคนร้ายคดียาเสพติดได้ และผู้ต้องหาใช้สำเนาบัตรประชนของตนสวมรอย ทำให้ชื่อตนมีคดี ตนจึงปฏิเสธความเกี่ยวข้องของเรื่องนี้ไป
ต่อมาปี 2555 ตนได้ทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนจะถูกให้ลาออก เพราะไปตรวจพบว่าตนมีประวัติคดียาเสพติด จึงได้ไปตรวจสอบพิมพ์ลายนิ้วมือ ก็พบว่า ไม่มีประวัติอาชญากรรม แต่ถ้าเอาเลขบัตรประชาชนไปตรวจสอบมันจะขึ้นประวัติว่ามีคดียาเสพติดอยู่ 2 คดี ซึ่งมันไม่มีทางมีประวัติอยู่แล้ว เพราะตนมี 11 นิ้ว แต่ผู้ต้องหามี 10 นิ้ว จึงได้รับใบยืนยันจากกองประวัติอาชญากร และสามารถกลับไปทำงานได้ ทว่าตนได้กลับมาทำงาน แต่ตนไม่สามารถไปสมัครงานที่ใหม่ได้เลย
ทว่าปี 2557 ตนถูกเรียกตัวอีกครั้ง คราวนี้ที่ สภ.ประทาย จ.นครราชสีมา เนื่องจากผู้ต้องหารายเดิมถูกจับคดียาเสพติดอีก พร้อมใช้สำเนาบัตรประชาชนใบเดิมของตนยืนยันตัวเองอีก ตนจึงได้พาทนายไปยืนยันความบริสุทธิ์ ทั้งนี้ ตนไม่เคยรู้จักคนที่เอาสำเนาบัตรประชาชนตนไปสวมรอย ไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ยืนยันว่าในชีวิต ไม่เคยทำบัตรประชาชนหาย คาดว่ามันน่าจะหลุดจากช่วงที่ตนหาสมัครงานปี 2550 - 2557 มีการยื่นสมัครงานหลายที่ และไม่ได้ขีดคร่อมสำเนาบัตรประชาชน
ด้าน กนกวรรณ (แหม่ม) แฟนของผู้เสียหาย เล่าต่อว่า เรื่องราวของแฟนตนที่มีคดีติดตัว ทำเอาตนเครียด และทำให้เสียเวลา เสียโอกาสหลาย ๆ อย่าง เดินทางไปเคลียร์ประวัติ ก็ต้องเดินทางไปเองจ้างรถไป ลางานไป แถมยังต้องจ้างทนายพาไปดำเนินการด้วย เพราะ ถ้าไปเองกลัวว่าจะถูกรวบเข้าคุกเลย ทั้งนี้ แฟนตนได้รับผลกระทบอย่างมาก ไม่สามารถสมัครงานใหม่ได้ เคยไปที่กรมแรงงานก็ไม่ผ่าน ทำใบขับขี่ก็ไม่ได้ เสียโอกาสการหารายได้ไปเยอะ สิ่งที่อยากได้ตอนนี้คืออยากให้ลบประวัติอย่างเร็วที่สุด เพราะมีแพลนจะไปทำงานต่างประเทศกัน
ฟาก อาชาน โอภาสธนากูล (ตี๋) ทีมงานสายไหมต้องรอด กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบเคสนี้แล้ว พบว่าเป็นเรื่องจริงตามที่ผู้เสียหายแจ้ง จึงได้พาตัวผู้เสียหายเข้าไปร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความเป็นธรรม และลบประวัติของผู้เสียหาย ขณะเดียวกัน ก็ได้พาตัวไปพบกับบิ๊กโจ๊กแล้ว เพื่อให้ท่านทราบเรื่อง และ ท่านได้ประสานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน ท่านผู้บังคับการจังหวัดชลบุรี ดูแล้วว่าเคสนี้ไม่ยาก ต้องส่งเคสให้ต้นเรื่องที่ สภ.พัทยา ให้รื้อฟื้นคดีกลับมาทำใหม่ และคืนความเป็นธรรมให้ผู้เสียหาย อย่างไรก็ตาม เคสแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น หากมีการแสกนนิ้วแล้วประวัติจะขึ้นมาหมดเลย แบบที่เมืองนอกเขาทำ
ขณะที่ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า เคสนี้ ชื่อคุณธวัชชัย กับลายนิ้วมืออาชญากร มันไม่ตรงกันเลย เรื่องนี้การแก้ปัญหามันง่ายมาก แค่เอาลายนิ้วไปมือไปแสดงต่อหน้ากองประวัติอาชญากร ก็สามารถลบประวัติได้เลย เดี๋ยวตนจะช่วยประสานงานให้อีกแรง แต่เรื่องที่สำคัญมากคือ ตำรวจไม่มีการตรวจสอบที่ดีเลย มีเคสในกรณีแบบนี้เกิดขึ้นหลายเคสมากทั่วประเทศ อย่างเคสนี้แค่นิ้วมือก็ไม่เหมือนแล้ว เพราะตัวผู้เสียหายมี 11 นิ้ว มากกว่าผู้ต้องหา 1 นิ้ว ตำรวจต้องรีบเร่งแก้ไข
ด้าน เกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า สำหรับเคสของคุณธวัชชัย ตนยังไม่เคยเจอ ส่วนมากจะเป็นในกรณีที่มีคำสั่งศาลสั่งให้ลบประวัติอาชญากรแล้ว ส่วนเคสนี้จะต้องเป็นทางสำนักงานตำรวจต้นทางเป็นคนทำ เท่าที่ตนดูตามหลักฐานแล้ว ก็น่าจะไม่ยากในการลบประวัติ เดี๋ยวตำรวจก็จะทำการดำเนินการให้ ส่วนเรื่องเงินเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรม เคสนี้ยังไม่เข้าข่ายได้รับเงิน
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35