logo ถกไม่เถียง

อดีตนางแบบ ถูกเพื่อน “สวมรอย” เอาชื่อไปติดคุก ทุกข์หนัก ประวัติเสีย “แพะ 7 คดี !

ถกไม่เถียง : อดีตนางแบบสาว ออกมาแชร์ประสบการณ์ หลังอาศัยอยู่ ตปท. กว่า 10 ปี กลับมีหมายศาลตามจับที่ไทย ในคดีลักทรัพย์ สุดท้ายทราบเรื่องว่าถูกเพื่ ถกไม่เถียง,ทิน โชคกมลกิจ,ch7hd,สวมรอยบัตรประชาชน,เป็นแพะ,แพะ 7 คดี,สิงค์โปร,เอาชื่อไปติดคุก,เพื่อนสวมรอย,ติดคดี,ดรีม,สู้คดี,อดีตนางแบบ,ประวัติเสีย,นางสาวพุทธชาติ เพิ่มพูล,นางแบบสาว,โดนจับต่อหน้าลูก,สนามบิน,ดรีม พุทธชาติ,นางสาววิลาวัลย์,นายประกัน,ทนาย

23,545 ครั้ง
|
05 ก.ย. 2566
อดีตนางแบบสาว ออกมาแชร์ประสบการณ์ หลังอาศัยอยู่ ตปท. กว่า 10 ปี กลับมีหมายศาลตามจับที่ไทย ในคดีลักทรัพย์ สุดท้ายทราบเรื่องว่าถูกเพื่อนวัยเด็ก อ้างตัวสวมรอยชื่อก่อคดีรวมกว่า 7 คดี ซึ่งเธอไม่มีแม้แต่บัตรประชาชน แต่ตำรวจกลับเชื่อสนิทใจ สุดท้ายรับผลกระทบหนักเข้าประเทศไม่ได้ จนต้องฟ้องหน่วยงานรัฐ จนศาลชั้นต้นพิพากษาชนะคดี ให้หน่วยงานจ่ายเงิน 20 ล้านบาท !
 
 
ถกไม่เถียง : อดีตนางแบบ ถูกเพื่อน “สวมรอย” เอาชื
 
            วันที่ 5 ก.ย. 66 ดรีม ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนเองได้ย้ายไปอยู่ที่สิงค์โปรมากว่า 10 ปีแล้ว สร้างครอบครัวและทำธุรกิจอยู่ที่นั่น ทว่าเมื่อปี 60 มีหมายศาลจากที่ไทยมาเรียกให้ตนเองไปขึ้นอุทธรณ์ในคดีลักทรัพย์ จึงเกิดความแปลกใจขึ้น เพราะ ตนอาศัยอยู่ที่สิงค์โปร จะไปลักทรัพย์ที่ไทยได้อย่างไร รวมทั้งยังไม่เคยไปขึ้นศาลคดีชั้นต้นเลย แต่กลับได้รับหมายศาลอุทธรณ์ จึงได้ให้ทนายที่ประเทศไทยตรวจสอบ ก็พบว่ามีหมายศาลในคดีลักทรัพย์จริง ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ทนายจึงนำหลักฐานที่ตนใช้ชีวิตที่สิงค์โปร จึงได้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปก่อน 
 
            จากนั้นไม่กี่วันก็มีหมายจับจากศาลจังหวัดธัญบุรี แต่เขียนด้วยตัวหนังสือส่งมาหาตน ให้ตนติดต่อกลับ แต่เมื่อตรวจสอบก็พบว่าคนที่ส่งมาเป็นนายหน้าประกัน ต้องการให้ตนกลับมาขี้นศาล เนื่องจากจะให้ตนมาปฏิเสธข้อกล่าวหา และนายหน้าประกันยังเป็นคนบอกตนอีกว่า น.ส.วิลาวัลย์ ที่เป็นเพื่อนของตนในวัยเด็กเป็นคนสวมชื่อตนรับคดี ทั้งนี้ในตอนนั้นทนายไม่ได้ให้ตนกลับ ให้เหตุผลว่านายหน้าประกันเขาแค่อยากได้เงินประกันที่เสียให้กับน.ส.วิลาวัลย์ คืน ไม่ได้สนใจว่าตนจะเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าหากตนกกลับอาจถูกจับตัวดำเนินคดีได้
 
            ต่อมาทนายความได้ตรวจสอบพบอีกว่า วันที่ 7 ต.ค. 59 น.ส.วิลาวัลย์ ถูกเจ้าหน้าที่ สน.มีนบุรี จับในข้อหาลักทรัพย์ แต่นางสาววิลาวัลย์ ได้แจ้งแก่เจ้าพนักงานตํารวจว่าตนเองชื่อ พุทธชาติ เพิ่มพูล ซึ่งเป็นชื่อของตน พร้อมอ้างว่าทำบัตรประชาชนหาย ซึ่งตำรวจเองก็คัดทะเบียนราษฎร์ของตนออกมาให้ น.ส.วิลาวัลย์ เซ็นรับผิด และพนักงานอัยการก็ได้นำตัว น.ส.วิลาวัลย์ ไปฟ้องต่อศาลในชื่อของตน และศาลก็ได้ฝากขังในเวลาต่อมา ก่อนจะได้รับการประกันตัว จากเงินของนายประกัน โดยที่ น.ส.วิลาวัลย์ สวมรอยใช้ชื่อของตนเช่นเดิม ซึ่งเมื่อได้รับการประกันตัวเสร็จ น.ส.วิลาวัลย์ กลับหนีหายไป ทำให้นายประกันเดือดร้อน ต้องตามหาความจริง จนพบว่า น.ส.วิลาวัลย์สวมรอยตน 
 
            เรื่องนี้ตนได้รับผลกระทบอย่างมาก สู้คดีมากว่า 6 ปี ช่วงระหว่างเกิดเรื่อง ตนเองกลับประเทศไทยไม่ได้เลยกว่า 1 ปี เพราะถ้ากลับมาก็จะถูกจับดำเนินคดี เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้ต้องหา อีกทั้งมีประวัติติดตัว ธุรกิจที่ทำก็เสียหายแถมยังกลับมาถ่ายแบบที่ประเทศไทยไม่ได้ด้วย หลังจากเคลียร์หมายจับได้แล้วทนายให้ตนถือใบคำสั่งศาลให้เพิกถอนคดีไว้ติดตัวตอนกลับเข้าประเทศไทย แต่ไม่วาย ตอนกลับเข้าประเทศครั้งแรกก็โดนกักตัวต้องให้ทนายมาเคลียร์ อีกทั้ง ยังมีครั้งที่โดนกักตัวพร้อมกับลูกด้วยในตอนที่กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ 
 
            นอกจากนี้ ยังพบว่าชื่อตนเองยังมีความผิดอีก 7 คดี มีทั้งคดีเกี่ยวกับการพนันและคดีอื่น ๆ ทำให้ตนคิดว่ามันได้รับผลกระทบมากเกินไปแล้วจนต้องฟ้องหน่วยงานรัฐกลับ ในคดีแพ่ง สุดท้าย ศาลแพ่งชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาให้หน่วยงานรัฐทั้ง 2 หน่วยงานร่วมกันชดใช้เงินค่าเสียหายให้ตนเอง 20 ล้านบาท
 
ถกไม่เถียง : อดีตนางแบบ ถูกเพื่อน “สวมรอย” เอาชื
 
            ด้าน ปิยพล บุญมี ทนายความ เล่าต่อว่า คดีนี้ เรื่องที่ศาลจังหวัดมีนบุรี เขานัดฟังคำอุทธรณ์ ตนจึงได้เข้าไปยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนก่อน เนื่องจากเหตุการณ์ไม่เป็นดั่งสำนวน ศาลก้ได้ไต่สวนตัวน.ส.วิลาวัลย์ จนยอมรับความจริง รวมทั้งตร.ได้มาให้การว่าเขามารู้ภายหลังว่าลายนิ้วมือไม่ใช่ของ พุทธชาติ เพิ่มพูล แต่ตำรวจก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ ไม่ได้ดำเนินการแก้ไขใด ๆ ขณะที่ ศาลธัญบุรีตนได้เข้าไปยื่นคำร้องให้เขายกเลิกหมายจับ ซึ่งเขาก็ได้นำตัวน.ส.วิลาวัลย์มาไต่สวนจนยอมรับว่า เขาเป็นคนปลอมชื่อ ศาลจึงได้เพิกถอนหมายจับไป 
 
            ทว่า น.ส.วิลาวัลย์ ถูกจับกุมขังในราชทัณฑ์ ในชื่อของ พุทธชาติ เพิ่มพูล ทำให้ พุทธชาติ เพิ่มพูล มีประวัติเคยอยู่ในคุกอีกด้วย นอกจากนี้ พุทธชาติ เพิ่มพูล ยังมีคดีอีกกว่า 7 คดี ติดตัว หลายสน. ที่เจ็บปวดที่สุดคือ ตำรวจบอกว่า เป็นหน้าที่ของเราต้องไปดำเนินการเอง นอกจากนี้เขายังไม่สามารถขอสัญชาติสิงค์โปรได้อีกด้วย เพราะเรื่องคดีติดตัว สุดท้ายเราได้รับผลกระทบกันมาก จนต้องไปฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานรัฐ ซึ่งศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาแล้วให้หน่วยงานรัฐชดใช้เงินให้ พุทธชาติ เพิ่มพูล 20 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ฝั่งหน่วยงานรัฐกำลังอุทธรณ์สู้คดี โดยมีอัยการเป็นทนายให้ 
 
ถกไม่เถียง : อดีตนางแบบ ถูกเพื่อน “สวมรอย” เอาชื
 
            ฟาก ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ น.ส.วิลาวัลย์ อ้างชื่อเป็น พุทธชาติ เพิ่มพูล โดยที่บัตรก็ไม่มี หรือแม้แต่เลขบัตรก็ไม่มี ไม่ได้ตรวจแม้กระทั่งที่อยุ่ แต่ตำรวจกลับเชื่อสนิทใจ จนนำไปสู่การจับกุม และฝากขังในกรมราชทัณฑ์ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ก็ไม่ได้ตรวจสอบ ตม.ก็ไม่ได้ตรวจสอบอีกเช่นกัน ไม่ได้ตรวจกันเป็นทอด ๆ เรื่องนี้ตำรวจต้องรีบเร่งแก้ไข มันเป็นเรื่องของการมักง่ายประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่มาให้ประชาชนดำเนินการเองแบบนี้ ถ้ามันเกิดกับชาวบ้านตาสีตาสาที่ไม่มีเงินไปจ้างทนาย จะเป็นอย่างไร ตอนนี้ไม่ทราบว่ามีคนเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่ในคุกกี่คน  
 
            ส่วนเรื่องที่หน่วยงานรัฐสู้คดีกลับ ตนมองว่ามันประหลาดมาก หน่วยงานรัฐทำงานผิดทั้งหมด ทำให้ พุทธชาติ เพิ่มพูล เสียหาย เรื่องนี้ตนมองว่าไม่ควรอุทธรณ์ ขณะเดียวกันฝั่งตำรวจเขาไม่ได้สู้เรื่องผิดหรือไม่ผิด เขายอมรับว่าเขาทำผิด แต่มาสู้เรื่องเงิน 20 ล้านมันสูงไป และเรื่องที่ไม่มีสิทธิในการฟ้อง อ้างว่าขั้นตอนไม่ถูกต้อง ซึ่งมันไม่ควรอย่างยิ่ง เราทำผิดเราต้องช่วยเหลือเขา ทั้งนี้ตนได้เร่งรัดไปที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร ให้ลบประวัตคดีของ พุทธชาติ เพิ่มพูล ออก เชื่อว่าในเวลาอันรวดเร็วเขาจะลบ 
 
ติดตาม  รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง"  ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 
 
 
ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/U4l7PomF8w4?si=iJgy40KBsEvkjC_i