ครอบครัวผู้เสียหายสุดเศร้า เข้าร้อง สายไหมต้องรอด หลังลูกชายถูกเพื่อนรักสุดแสบ ยืมบัตรประชาชน ไปสวมโบ้ยคดีให้ ทำเอาติดคุกฟรีไป 80 วัน !
วันที่ 31 ส.ค. 66 กำพล ศิริพิน (พล) พ่อผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 66 "โจ๊ก" ลูกชายของตนโทรมาบอกว่าถูกตำรวจจับที่ทำงาน ตนและลูกสาวจึงรีบไปที่ศาล แต่วันนั้นมันไม่ทันแล้ว เพราะใกล้เวลาปิดทำการและระยะทางจากบ้านค่อนข้างไกล จึงไม่ได้เจอตัวลูกชาย ถูกส่งตัวขึ้นเรือนจำไปแล้ว ด้านเจ้าหน้าที่ก็บอกให้มาประกันตัววันรุ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ตอนนั้นก็ยังไม่ทราบว่าลูกชายโดนข้อหาอะไร แต่วันต่อมาก็ไปประกันตัว ศาลไม่ให้ประกัน โดยให้เหตุผลว่า หนีศาลมาแล้ว 3 ปี ทั้งนี้ ตนได้พยายามประกันตัวลูกชายมาแล้วกว่า 7 ครั้ง ไม่เป็นผล จนต้องไปร้องเรียนให้เพจสายไหมต้องรอดเข้าช่วย
ด้าน ดวงพร ศิริพิน (อั๋น) แม่ผู้เสียหาย เล่าต่อว่า หลังจากลูกถูกจับ เราก็ได้หาทนายเพื่อสืบหาความจริง จากนั้นทนายได้คุยกับโจ๊กเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนได้รู้ว่าลูกชายให้บัตรประชาชนกับเพื่อนที่โดนคดีไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ต่อมา ทนายก็ได้ขอสำนวนจากศาลเพื่อดูว่าผู้ต้องหาใช่โจ๊กหรือไม่ ปรากฎว่าในสำนวนไม่ใช่โจ๊กแต่เป็น "นายภูวดล" เพื่อนของโจ๊ก ที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ซึ่งในวันที่ ภูวดล โดนจับ เขามีการแชตมาขอบัตรประชาชนจากลูกชายตนจริง พร้อมใช้คำพูดกดดันจนลูกชายตนยอม ขณะที่ตอนที่ลูกชายตนโดนจับแล้วนั้น เพื่อนของลูกชาย ติดต่อไปบอกภูวดล ด้านภูวดลกลับบอกว่า "จะให้เขาทำยังไง"
นอกจากนี้ช่วงที่ลูกอยู่ในเรือนจำ เขาเคยได้ส่งจดหมายออกมาหาตนว่า เขาจะยอมรับสารภาพ แม้เขาจะไม่ได้ทำผิดก็ตาม เพราะเขารับสภาพตัวเองไม่ได้ที่ต้องมาอยู่ในเรือนจำ เขาอึดอัดอยากรู้วันที่จะได้ออกจากเรือนจำ สุดท้าย ทนายได้ไปจัดการหาลายนิ้วมือมายื่นประกันตัว เนื่องจาก วันที่ โจ๊ก โดนจับ และวันที่ ภูวดล โดนจับ มีการปั๊มลายนิ้วมือเหมือนกัน จึงได้นำมาตรวจสอบก็พบว่าลายนิ้วมือนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้ลูกชายตนได้ออกจากเรือนจำ แต่ตอนนี้สภาพจิตใจของลูกชายก็ยังไม่ดีขึ้นเลย
ทั้งนี้หลังจากเป็นข่าว แม่ของ ภูวดล เขาโทรมาขอโทษกับตน ส่วนตัว ภูวดล โทรมาได้คุยกับลูกสาวตน โดยเขาบอก ขอโทษ และไม่คิดว่าเรื่องจะลงเอยแบบนี้ พร้อมกับบอกว่า พอเราไปออกสื่อ ตัวเขาเองก็ใช้ชีวิตลำบากไปทำงานไม่ได้ ตนรู้แบบนี้ก็งงกับที่เขาพูด เพราะลูกชายตนต้องเข้าไปลำบากอยู่ในเรือนจำทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
ฟาก นิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า ตนได้รับเรื่องจากพ่อของผู้เสียหาย ซึ่งจากหลักฐานนั้นเห็นได้ชัดเจนในวันที่จับกุมมีการบันทึกภาพ ภูวดล เป็นผู้ถูกจับ แต่ชื่อเป็นชื่อของโจ๊ก แม้ในรูปทั้งคู่จะมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกัน แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันเป๊ะ ดังนั้นทางพิสูจน์เดียว ก็คือ ตรวจจากลายนิ้วมือ เนื่องจาก วันที่จับกุมภูวดล ก็มีการบันทึกลายนิ้วมือไว้เช่นกัน ทว่า ศาลนัดพิจารณาอีกครั้ง คือ 7 เม.ย. 67 ทำให้โจ๊กจะต้องอยู่ในเรือนจำอีก 8 เดือน แต่มันนานเกินไป ตนจึงประสานไปยัง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ท่านได้ติดต่อผู้กำกับ สน.โคกคาม ให้ทำเรื่องขออนุญาติศาล ตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษเร่งด่วน ก็พบว่า ลายนิ้ววันที่จับ ไม่ตรงกับลายนิ้วมือของโจ๊ก ทำให้โจ๊กได้ออกจากเรือนจำ ทั้งนี้ขอฝากไปถึง ภูวดล ให้มามอบตัวเรื่องจะได้จบง่ายกว่านี้
ขณะที่ เกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า ตอนนี้ได้รับเรื่องของผู้เสียหายไว้แล้ว แต่เนื่องจากผู้เสียหายเพิ่งออกจากเรือนจำมา ต้องรอ 30 วัน ว่าศาลจะอุทธรณ์หรือไม่ หรือคำสั่งศาลว่าคดีนี้สิ้นสุดแล้ว จึงจะดำเนินการเยียวยาต่อ สำหรับการเยียวยา จะมีการเยียวยาที่ผู้เสียหายเป็นแพะต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ 80 วัน เป็นเงินประมาณ 40,000 บาท ยังไม่รวมกับค่าทนายต่าง ๆ อีกข้อหนึ่ง คือการลบประวัติเสียของผู้เสียหาย ให้มาร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรมได้เลย
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35