เช้านี้ที่หมอชิต - เข้าสู่บรรยากาศแห่งการอำลารัฐบาลเก่า เตรียมต้อนรับรัฐบาลใหม่ ซึ่งเมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าน่าจะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าย
แต่บรรยากาศยังคงเป็นไปอย่างชื่นมื่น โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดขอบคุณสื่อมวลชน และขออภัยทุกคน หากพูดดุไปหน่อย เมื่อถามว่ามีอะไรฝากถึงรัฐบาลใหม่ไหม ท่านบอกว่าไม่ เพระเป็นมารยาทที่ต้องให้รัฐบาลใหม่เป็นคนดำเนินการเอง
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะทำอะไรต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า วางแผนพักผ่อน และให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น หลังจากตั้งใจทำงานมา 9 ปี เมื่อถึงเวลาที่จะพักผ่อน หรือหยุด ก็เป็นคนธรรมดา ไม่มีสิทธิพิเศษอะไร
สื่อยังได้ถามท่านในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยว่าเป็นห่วงกับปฏิกิริยาที่มีต่อนายสุทิน คลังแสง ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบแค่ว่าไม่ห่วงอะไร
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวานนี้ได้เดินไปยื่นเอกสารประวัติส่วนตัว เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบ ทำให้ผู้สื่อข่าวมีโอกาสได้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนว่านายสุทินจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือไม่
นายสุทิน กล่าวว่า รู้แค่ว่าตนเป็น 1 ใน 35 รัฐมนตรี อยู่ในคณะรัฐมนตรีแน่นอน ส่วนตำแหน่งอะไรตนไม่ทราบ มายื่นประวัติก็ไม่ได้ระบุตำแหน่ง เมื่อถามว่านโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้เกี่ยวกับกระทรวงกลาโหม จะสามารถผลักดันได้ครบหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ทุกนโยบายเราต้องทำ ส่วนจะทำได้ช้าหรือเร็วอยู่ที่ความเป็นจริงและองค์ประกอบ เมื่อถามต่อว่ามั่นใจว่าจะสามารถถอดสลักการรัฐประหาร ดูแลไม่ให้กองทัพทำเรื่องนี้อีกใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่คิดเรื่องนั้น เพราะเราเชื่อว่าทุกคนก็ไม่อยากทำ ยังไม่มีใครคิดวันนี้ คนจะทำก็ยังไม่คิด คนจะไปปรามก็ยังไม่คิด
ผู้สื่อข่าวยังได้ถามด้วยว่ามีแนวทางอย่างไรกับนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร นายสุทินกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายพรรค เมื่อได้ ครม.ชุดใหม่ จะต้องคุยเรื่องนโยบายกับพรรคต่าง ๆ อีกครั้ง ต้องฟังทุกพรรค แต่ขณะนี้ยังไม่มีการคุยกัน
นโยบายกองทัพของพรรคเพื่อไทยเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกสังคมจับตาว่าจะเอาจริงเอาจังหรือจะเข้าข่ายใช้เพื่อการหาเสียงเท่านั้น เนื่องจากท่าทีในช่วงหลังของบรรดาแกนนำดูอ่อนลง เช่น ที่คุณสุทินให้สัมภาษณ์ว่า ยังต้องฟังพรรคร่วม หรือก่อนหน้านี้ ที่คุณเศรษฐาให้สัมภาษณ์ ไม่ชอบคำว่า ปฏิรูป แต่อยากให้ใช้คำว่าร่วมกันพัฒนามากกว่า รวมถึงท่าทีที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ค่อนข้างเกรงอกเกรงใจในการพบกันเมื่อสัปดาห์ก่อน เช่นเดียวกับโฉมหน้าค่าตาคณะรัฐมนตรี บางคนก็ให้ฉายาว่าเป็นรัฐบาลประยุทธ์ 3 หรือเปล่า เพราะนอกจากรัฐมนตรีใหม่จากเพื่อไทยแล้ว รัฐมนตรีหลายคนหลายตำแหน่งไม่ค่อยแตกต่างจากรัฐบาลก่อน
หากไปย้อนดูเมื่อวันที่ 1 เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเกณฑ์ทหาร และอยู่ในบรรยากาศการเลือกตั้ง คุณเศรษฐา เคยใช้โอกาสย้ำจุดยืนของพรรคเพื่อไทยว่า การเกณฑ์ทหารต้องเป็นระบบสมัครใจ งบประมาณที่ต้องใช้สำหรับการบังคับเกณฑ์ทหารจะลดน้อยลง สามารถนำไปพัฒนา ปรับปรุงส่วนอื่น ๆ ได้
นอกจากนี้ ยังบรรจุไว้เป็น 1 ใน 6 ภารกิจสู่ประเทศประชาธิปไตย ฉบับเพื่อไทย ส่วนนโยบายด้านกองทัพ พรรคเพื่อไทย ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย ไปย้อนดูกันหน่อยมีอะไรบ้าง ปฏิรูปกองทัพ เป็นทหารมืออาชีพ คืนความเป็นธรรมให้ทหารชั้นผู้น้อย ลดขนาดกองทัพ ลดงบประมาณกลาโหมลง 10 แปรค่ายทหารเป็นวิทยาลัย เพิ่มความโปร่งใสตรวจสอบได้
ดังนั้น คงต้องจับตากันต่อไปว่า กองทัพในยุคบิ๊กทิน จะปฏิรูปกองทัพหรือร่วมพัฒนาจนมีโฉมหน้าค่าตาอย่างที่วางนโยบายและหาเสียงไว้หรือไม่
ต่อกันที่ประเด็น นายทักษิณ ช่วงเที่ยงวานนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางเข้าเยี่ยมคุณพ่อ เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน พร้อมเปิดเผยว่า คุณพ่อมีอาการอ่อนเพลีย ไม่สดชื่นเหมือนตอนอยู่ต่างประเทศ และมีอาการเครียด ซึ่งคุณพ่อเคยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อปี 2563 ครั้งนั้นต้องรักษาตัวภายในโรงพยาบาลนานกว่า 1 เดือน และตอนนี้ยังมีปัญหาปอดเล็กน้อย
ทั้งยังยืนยันว่า ยังไม่มีการขอย้ายคุณพ่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน และยังไม่รู้ว่าจะต้องรักษาตัวอีกนานแค่ไหน ส่วนที่สังคมไม่เชื่อว่าคุณพ่อป่วย ตนเองไม่ได้รู้สึกเสียใจ แต่อยากให้เป็นห่วงความรู้สึกของคนอื่นด้วย ขณะที่การขออภัยโทษ คุณพ่อเป็นผู้ร่างจดหมายด้วยตัวเอง แต่ตนเองไม่ได้เห็น และไม่ทราบรายละเอียด
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35