ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ไม่มีทางออก สามีฆ่าภรรยาพร้อมลูกชายอีก 2 คน ก่อนปาดคอตัวเองหวังจบปัญหา แต่ไม่ตาย คาดปัญหามาจากการค้ำประกันรถให้เจ้านายเก่า แถมเคราะห์ซ้ำ ภรรยาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์เงินกู้หลอกโอนเงินสูญกว่า 1 ล้านบาท
เวลา 01.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.บางแก้ว พร้อมด้วยกู้ภัยและแพทย์เวรโรงพยาบาลบางพลี ไปตรวจสอบเหตุฆาตกรรม มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ชั้นล่างหน้าประตูบ้าน พบศพผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นเด็กชายอายุ 11 ปี และหญิงอายุ 41 ปี ซึ่งเป็นแม่เด็ก และเป็นภรรยาของผู้ก่อเหตุ
ส่วนที่ห้องนอนชั้น 2 พบศพผู้เสียชีวิต เป็นเด็กชายอีก 1 ราย อายุประมาณ 13 ปี ทั้งหมดมีบาดแผล ถูกมีดปาดคอ และตามร่างกายหลายแห่ง ใกล้กันพบร่างผู้ก่อเหตุที่หวังจะปลิดชีพตัวเอง มีร่องรอยถูกมีดปาดที่คอและข้อมือ อาการสาหัส
สอบถาม นางสาวฐารินี เส็งสันต์ หัวหน้างานของผู้ก่อเหตุ บอกว่า ช่วงเที่ยงคืนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายสาณิช อายุประมาณ 41 ปี โทรศัพท์มาหา บอกว่า ฆ่าลูกและเมียเสียชีวิตหมดแล้ว
เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุมาจากผู้เสียชีวิตมีปัญหาเรื่องหนี้สิน เคยปรึกษาว่ากำลังจะถูกกรมบังคับคดียึดบ้าน และเมื่อไม่นานมานี้ ภรรยาของผู้ก่อเหตุ ก็ยังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาจากหลายที่เป็นเงินกว่า 1.7 ล้าน ถูกเจ้าหนี้ตามทวงถึงบ้านทุกวัน
เพื่อนร่วมงานอีกคนบอกว่า ผู้ก่อเหตุเคยเล่าปัญหาหนี้สินให้ฟังตลอด ไม่คิดว่าจะตัดสินใจลงมือเช่นนี้
ส่วนนิสัยใจคอของผู้ก่อเหตุปกติเป็นคนใจเย็น ไม่เที่ยว ไม่เล่นการพนัน เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ตั้งใจทำงาน เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี ตอนนี้ทั้งเสียใจ ตกใจ และแค้นพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ทำให้เกิดการสูญเสีย
ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าหน้าบ้านถูกล็อกกุญแจ มีเทปกั้นพื้นที่ติดไว้หน้าบ้าน ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดทางเข้าออกของหมู่บ้าน พบว่า ผู้เสียชีวิต (ภรรยาผู้ก่อเหตุ) ขับรถกระบะสีขาวมีหลังคาเข้าออกหมู่บ้านหลายครั้ง
ล่าสุดเวลา 17.48 น. วานนี้ ภรรยาผู้ก่อเหตุขับรถคันเดิมเข้ามาอีกครั้ง บริเวณหลังรถมีลูกชายทั้ง 2 คนนั่งมาด้วย ซึ่งตอนที่ขับผ่านป้อม รปภ. ยังมีการทักทายกับ รปภ. แล้วเข้าบ้านกระทั่งมาเกิดเหตุช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา
เพื่อนบ้าน บอกว่า ที่ผ่านมา คนก่อเหตุไม่เคยพูดคุยปัญหาส่วนตัวให้ฟัง แต่เห็นมีหมายศาลมาที่บ้าน ต้นเหตุมาจากเรื่องรถที่ผู้ก่อเหตุไปค้ำประกัน ก่อนที่เถ้าแก่จะหนี ต้องมารับผิดชอบแทน วงเงินประมาณ 4 แสนกว่าบาท ส่วนบ้านก็จะโดนยึดขายทอดตลาด รถก็ยังจอดอยู่หน้าบ้าน
เพื่อนบ้านบอกด้วยว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสนิทสนมกันดีกับครอบครัวผู้ก่อเหตุ ไปไหนมาไหนก็มักจะซื้อของมาฝากกันเสมอ เป็นคนดี มีน้ำใจ
เมื่อวานประมาณเที่ยง มีกลุ่มบุคคล 5 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 3 คน คาดว่าเป็นเจ้าหนี้ ขับรถอเนกประสงค์ป้ายแดงมาหาผู้ก่อเหตุถึงบ้าน เข้าไปคุยกันในบ้าน ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงถึงจะกลับออกไป
ขณะที่ทางโรงเรียนของเด็กชายที่ถูกพ่อปาดคอเสียชีวิต โพสต์ประกาศขอทำบุญบริจาค เนื่องจากครอบครัวไม่มีเงินประกอบพิธีฌาปนกิจศพ โดย นายวัชรินทร์ โตขาว รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฝ่ายมัธยม ระบุว่า ทางญาติพ่อและแม่ของเด็ก เห็นตรงกันว่าจะนำศพ 3 แม่ลูก กลับไปบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนาของผู้ก่อเหตุที่อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร มีพี่ชายของผู้ก่อเหตุเป็นผู้ดูแล โดยโรงเรียนต้นสังกัดของเด็กที่เสียชีวิต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในส่วนของโรงเรียนที่ไม่มีงบประมาณ จึงได้เปิดรับบริจาคเงินในนามโรงเรียน กำชับให้มีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ให้มีความพอดี เหมาะสม หากเห็นสมควรแล้วตามจำนวนที่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายก็ให้ปิดการรับบริจาคทันที
ตำรวจ สภ.บางแก้ว ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ภรรยาของผู้ก่อเหตุมาแจ้งความ บอกว่า ถูกแอปฯ เงินกู้นอกระบบในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน เนื่องจากติดต่อไปขอกู้เงิน 1 แสนบาท แต่ถูกให้โอนยอดไปบัญชีปลายทางเป็นค่าดำเนินการ ค่าเปิดระบบ จนกระทั่งมีการโอนเงินไปกว่าล้านบาท
ซึ่งหลังจากที่พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความก็ได้สั่งอายัดบัญชีดังกล่าว ขณะที่ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างตามตัวเจ้าของบัญชีปลายทางเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน และในวันพรุ่งนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าคดีด้วยตนเอง ส่วนอาการล่าสุดของผู้ก่อเหตุ แพทย์ช่วยชีวิตจนพ้นขีดอันตรายแล้ว
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35