ด้วยฐานะความยากจน ทำให้ พ่อแม่รายนี้ ยกลูกสาววัย 8 เดือน ให้ครูเลี้ยง หวังเห็นอนาคตที่ดีของลูก แต่สุดท้าย ครูเลี้ยงได้ 2 วัน เด็กดับปริศนา เงื่อนงำเพียบ ส่วนแม่เด็ก ปัด ไม่ได้ขายลูกกิน !
วันที่ 24 ส.ค. 66 ออม แม่ของทารกที่เสียชีวิต ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตนมีปัญหาด้านการเงิน เพราะตกงาน สามีต้องทำงานเพียงคนเดียว ทำให้เงินไม่พอใช้ จึงไปทำการกู้ยืมเงินนอกระบบ ในช่วงก่อนคลอดมา ประมาณ 20,000 บาท เมื่อคลอดเสร็จ ก็ไปกู้ยืมมาเพิ่มอีก 10,000 บาท ด้วยความที่หมดหนทาง ไม่อยากให้ลูกต้องอดนม และอยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี จึงไปโพสต์ตามกลุ่มเฟซบุ๊กหาคนอุปการะเด็ก กระทั่งมีหญิงสาวคนหนึ่งติดต่อมา อ้างว่าเป็นครูโรงเรียนเอกชน ติดต่อเข้ามา
เมื่อได้คุยกัน จึงตกลงให้ลูกแก่เขา เนื่องจากเขาเสนอเงื่อนไขว่า ตนและสามีสามารถมาเยี่ยมเยียนลูกได้ตลอดเวลาตามที่ตกลงกัน ผิดจากข้อเสนอของคนอื่นที่ให้ตนตัดความสัมพันธ์กับลูกเลย อีกทั้งเขายังวาดฝันว่าเขามีบ้านส่วนตัว มีพี่เลี้ยงเด็ก จะส่งเสียให้มีอนาคตดี ๆ ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าตนไม่รักลูก แต่ตนมองไม่เห็นอนาคตที่ดีของลูกเลยถ้าอยู่กับตน นอกจากนี้ ตนยืนยันว่าไม่ได้ที่จะขายลูกกิน ครูสาวเขาเป็นคนเสนอมาเองว่าจะช่วยใช้หนี้ 30,000 บาท ตนไม่ได้ไปร้องขออะไร ถ้าตนจะขายจริง ๆ คงขายให้กับขบวนการต่างชาติ ตั้งแต่เขาแรกเกิดแล้วพวกนั้นได้เงินเป็นหลักแสน
หลังจากที่รับลูกของตนไปเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา ครูก็ไม่เคยทักติดต่อมาก่อนหรือแม้กระทั่งส่งรูปมาให้ดูเลยสักครั้ง มีแต่ตนที่พยายามถามว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง กระทั่งวันที่ 20 ส.ค. ครูทักมาถามว่า ทำไมน้องร้องเก่งจัง ตนจึงบอกว่าลูบหัว พูดดี ๆ ก็หยุดร้องแล้ว ก่อนที่วันที่ 21 ส.ค. ครูจะติดต่อกลับมาว่า น้องเสียชีวิตแล้วให้รีบมาดูด่วน เมื่อไปถึงพบว่า ตามร่างกายของน้องมีรอยฟกช้ำอยู่ทั่วร่างกาย
ทั้งนี้ ก่อนที่ตนจะให้ลูกกับเขาไป ลูกของตนไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ ขณะที่ในวันเกิดเหตุ ครูให้ปากคำว่า เขาออกไปข้างนอกกับลูกของเขาที่เป็นผู้หญิง ก่อนจะกลับมาพบว่าลูกตนเสียชีวิตแล้ว แต่อีกวันหนึ่งเขากลับบอกว่าทิ้งเด็กไว้ที่บ้านทั้ง 3 คน และยังบอกกับตนอีกด้วยว่า วันนี้หยุดงาน เลี้ยงลูกอยู่บ้านทั้งวันเนื่องจากพี่เลี้ยงเด็กไม่ว่างและได้ออกไปข้างนอกตอน 16.00 น. กลับมาประมาณ 18.00 น. อย่างไรก็ตาม ที่ตนออกมาร้องเรียน เพราะตนอยากให้การตายของลูกได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้อยากได้เงินอย่างที่สังคมโจมตีมา
ด้าน เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า วันที่เด็กเสียชีวิตแม่เด็กถึงกับต้องแปลกใจ เพราะลูกไปอยู่กับครูสาวที่แฟลตย่านรังสิต ผิดกับที่เขาอ้างตอนแรกว่า มีบ้านเป็นบ้านจัดสรร ย่านดอนเมือง ซึ่งสภาพแฟลตก็เป็นห้องเก่า ๆ ไม่เหมาะสำหรับการเลี้ยงเด็กเลย ขณะเดีวกันในห้องก็ยังมีเด็กอีก 2 คน ซึ่งจากข้อมูลที่ตนได้รับมา เด็กทั้ง 2 คน ก็เป็นลูกที่เขาไปรับเลี้ยงมาเช่นกัน และจากการที่ตนได้ไปถามชาวบ้านในละแวกนั้น เขาบอกว่า ลูกของครูสาวไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร จะเก็บตัว และลูกคนโตของเขาก็ดูสติไม่ค่อยดี จากตอนแรกที่พูดคุยปกติ ชาวบ้านก็สงสัยว่าถูกทำร้ายหรือเปล่า สำหรับตนก็มีความสงสัยเช่นกันว่าเขาจะรับเลี้ยงเด็กมาเพิ่มทำไม เพราะสถานที่อยู่ของเขามันก็ไม่ได้ดี จากที่เขาเคยบอกว่าจะส่งเสียเด็กให้ได้เรียนสูง ๆ ให้ได้ดี แต่มันน่าจะมีพื้นฐานที่ดีกว่านี้
ฟาก รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว กล่าวว่า ใบชันสูตรของเด็กที่เสียชีวิต แจ้งว่า เป็นการเสียชีวิตกระทันหันในเด็กทารก ศพเด็ก มีรอยขีดข่วนบริเวณหน้าอก หน้าผาก และรอยช้ำที่หน้าผาก มีข้อสังเกตุอย่างหนึ่ง คือ ศพเด็กมีรอยสีคล้ำบริเวณหน้าแขนและหน้าขา ปะปนกัน โดยลักษณะนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการตกลงสู่เบื้องต่ำของเม็ดโลหิตหลังตาย ซึ่งจากตอนพบศพ ศพนอนหงายหน้าอยู่ ควรที่มีรอยคล้ำอยู่ช่วงหลัง ซึ่งตำแหน่งพวกนี้แสดงให้เห็นว่าศพไม่น่าจะเสียชีวิตในท่านี้ ที่สำคัญอีกอย่างคือ บริเวณขอบจมูกมีความขาวขึ้น ซึ่งมันเป็นลักษณะของการกดทับ ซึ่งมันก็เกิดขึ้นได้ 2 แบบ อย่างแรกคือ นอนคว่ำแล้วจมูกกดอยู่กับพื้น และอีกแบบคือการปิดปากปิดจมูก
ขณะเดียวกัน จากที่ตัวครูให้การว่าเด็กเสียชีวิต โดยมีผ้าไปปิด ซึ่งผ้าไม่สามารถไปปิดจมูกจนทำให้เป็นวงขาวแบบนั้นได้ อย่างไรก็ตามบาดแผลเหล่านี้ อาจจะไม่ได้สื่อถึงสาเหตุการเสียชีวิต แต่จะสื่อถึงพฤติการณ์อะไรบางอย่าง ซึ่งส่วนตัวตนมองว่ามีความผิดปกติ และเชื่อว่ามีการเคลื่อนย้ายศพก่อนตำรวจจะไปพบ
ทางด้าน พ.ต.ท. เนติ รุ่งฟ้าแสงอรุณ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.ปากคลองรังสิต เผยว่า กรณีนี้ ผู้ต้องหาเป็นคนแจ้งเหตุการตายให้ตำรวจทราบเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 66 เวลาประมาณ 18.00 น. เบื้องต้นหมอมาตรวจที่เกิดเหตุประมาณช่วง 20.00 น. แจ้งว่า ศพน่าจะเสียชีวิตมาประมาณ 8 ชั่วโมง หรือเสียชีวิตในช่วงเวลา 12.00 น. - 13.00 น. บาดแผลภายนอกพบรอยช้ำที่หน้าผากเล็กน้อย และรอยถลอกตามตัว แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ ไม่มีบาดแผลที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิต ส่วนที่คุณแม่เขาติดใจเรื่องรอยช้ำ อันนั้นเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงหลังการตายของศพ
ขณะที่ คำให้การของผู้ต้องหา เขาบอกว่า เขาไปสอนหนังสือตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 21 ส.ค. 66 เวลา 06.00 น. กลับมาถึงบ้านประมาณ 18.00 น. ก็พบว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว ซึ่งทางตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อ ได้สืบหาจากกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ต้องหาขับรถกลับมาในช่วงเวลาดังกล่าวจริง และช่วงเช้าให้ตรวจเช็กกับทางสถาบันที่เขาสอนก็พบว่ามีการตอกบัตรตอน 07.00 น. จึงได้แจ้งข้อหากระทำโดยประมาทปล่อยปละละเลยเด็กจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต อีกทั้งตนได้แจ้งข้อหาที่ถ้าหากการทอดทิ้งเด็ก ทำให้ผู้ถูกทอดทื้งถึงแก่ความตาย จะต้องมีโทษเท่ากับความผิดฐานทำร้ายไปจนถึงการเสียชีวิต ในเบื้องต้นเราแจ้งข้อหาตามหลักฐานที่มีไปก่อน
ส่วนประเด็นการค้ามนุษย์ ได้มีการตรวจสอบไปยังเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา ตอนนี้ยังไม่พบความผิดปกติ ส่วนเด็กอีก 2 คนที่เขารับมาเลี้ยง ได้สอบไปที่ผู้ปกครองของเด็กดังกล่าว ซึ่งพบว่าเขารับเลี้ยงมาแล้วกว่า 2 ปี ซึ่งเท่าที่ตนเห็น พบว่าเขามีความเอ็นดูเด็กจริง ๆ ไม่ได้นำไปขายต่ออะไร ตอนนี้เด็กทั้งคู่ ได้ให้กระทรวงพัฒนาสังคม นำเด็กไปดูแลแล้ว ซึ่งถ้าหากมีการกระทำความผิด กระทรวงพัฒนาสังคมจะมาแจ้งข้อกล่าวหาอีกที
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35