“ชลน่าน” ลั่นกลางสภาฯ จับมือ “ก้าวไกล” คือความผิดพลาด เป็นอันตรายต่อสถาบัน

เช้านี้ที่หมอชิต - ไปต่อกันที่บรรยากาศในสภาเมื่อวานนี้ ที่ดูเหมือนเป็นมากกว่าแค่การอภิปรายเหตุผลในการโหวต หรือไม่โหวตให้คุณเศรษฐา เพราะถ้าจับสัญญาณให้ดี การอภิปรายจากคีย์แมนของแต่ละฝ่าย กำลังขีดเส้นจุดยืนทางการเมืองของตนเองให้ชัดขึ้น จากนี้ไปไม่มีแล้วสงครามสี แต่กำลังจะเข้าโหมดใหม่ ที่การเมืองจะสู้กันด้วยอุดมการณ์ที่แบ่งข้างกันชัดเจน

 

นพ.ชลน่าน ชี้ จับมือก้าวไกล คือความผิดพลาด

การอภิปรายของ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นที่สังเกตว่าค่อนข้างดุดัน และพุ่งเป้าไปที่การยืนตรงข้ามพรรคก้าวไกลอย่างเด่นชัด โดยยอมรับว่าการจับมือกับพรรคก้าวไกล คือ ความผิดพลาด สิ่งที่ดีที่สุดคือ การหันหน้ามาจับมือดุลอำนาจ ประนีประนอมอำนาจให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบ้านเมือง น่าจะเป็นแนวคิดที่ดีที่สุดในโอกาสเปลี่ยนผ่านนี้

 

ชัยธวัช ย้ำ ไม่โหวตให้ เศรษฐา เหตุขัดเจตจำนงประชาชน

ขณะที่การอภิปรายของ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล ถ้าฟังน้ำเสียงและเนื้อหาให้ดี ก็จะเด่นชัดในจุดยืนที่ตรงข้าม โดยระบุว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่ความพยายามสลายขั้วความขัดแย้ง แต่เป็นการต่อลมหายใจให้ระบบการเมืองที่ คสช. วางไว้

 

สว.สมเจตน์ แนะเพื่อไทยเสียสัตย์เพื่อชาติ เลิกคิดแก้รัฐธรรมนูญ

ขณะที่ สว.หลายคนรวมถึง พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม ได้อภิปรายแสดงความกังวลถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เคยแสดงจุดยืนว่าต้องการแก้รัฐธรรมนูญทันทีที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก จึงมีข้อสงสัยว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 มีปัญหาอะไรจึงให้เร่งแก้ไข หรือเป็นเพราะรัฐธรรมนูญนี้มีกลไกป้องกันนักการเมืองทุจริตเข้มงวด หากมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ กลไกขจัดนักการเมืองทุจริตจะหายไป และสอดคล้องกับความต้องการของบางพรรคการเมืองที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญหมวดสถาบันฯ การแบ่งแยกราชอาณาจักร ซึ่งการทำประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ จะยิ่งสร้างความขัดแย้งในสังคมมากขึ้น จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยเสียสัตย์เพื่อชาติอีกเรื่อง ยืนยันจะไม่เสนอแก้รัฐธรรมนูญทันทีเพื่อให้ประเทศสงบ

 

นอกจากนี้ ในระหว่างการโหวตเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ผ่านไปแล้ว 702 เสียง ได้ปรากฏเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อ นายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย สส.ก้าวไกล ได้เกิดอาการเป็นลมล้มฟุบที่พื้น ต้องเรียกแพทย์ประจำสภาเข้าช่วยเหลือเป็นการด่วน โดยมีการปั๊มหัวใจช่วยชีวิต และนำส่งโรงพยาบาลทันที ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จึงได้มีคำสั่งยุติการโหวตชั่วคราว กระทั่งมีรายงานว่า สส.ก้าวไกล หัวใจกลับมาเต้นปกติแล้ว จึงให้มีการโหวตต่อจนการลงมติลุล่วง