เช้านี้ที่หมอชิต - หลังจากที่โลกโซเชียลถามหา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ว่าหายไปไหน หลังหายเงียบไปหลายวัน แต่แล้วเมื่อวานนี้ก็เกิด 2 ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ทั้งการโพสต์เฟซบุ๊ก ข้าพเจ้าเพียงรอเวลา และเวลาของข้าพเจ้ามาถึงแล้ว และนำมาสู่การประกาศยุติบทบาททั้งหมดในพรรคเพื่อไทย หลังพรรคตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว
ณัฐวุฒิ ประกาศยุติบทบาท ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดเผยกับสื่อว่า ตนเองขอยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย และไม่เข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ กับรัฐบาล โดยได้แจ้งและบอกกล่าวผู้ใหญ่ในพรรคแล้ว ทั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร, นายเศรษฐา ทวีสิน, นายทักษิณ ชินวัตร และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สำหรับเหตุผลก็เนื่องจากกรณีการจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองบางพรรค โดยตนเองก็รอให้มั่นใจ ให้พรรคผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากในช่วงก่อนหน้านี้ เพราะตนไม่เคยจากไปไหนในช่วงที่เขาลำบาก โดยขณะนี้มั่นใจว่านายเศรษฐาจะได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
เมื่อถามว่า นี่คือผลจากการที่พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลโดยมีพรรค 2 ลุง หรือพรรครวมไทยสร้างชาติกับพรรคพลังประชารัฐร่วมด้วยใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เหตุผลนั้นเป็นเหตุผลสำคัญ และบอกด้วยว่า การตัดสินใจยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เป็นเรื่องมีรอยในใจของตนเอง เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นบ้านของผม ผมเกิดที่นี่ โตที่นี่ สู้ที่นี่ คนในบ้านพี่น้องผมทั้งนั้น แต่ว่าถึงเวลามันก็ต้องตัดสินใจ
ภายหลังนายณัฐวุฒิ ประกาศยุติบทบาทในภรรค ทางด้านเพื่อนร่วมอุดมการณ์เสื้อแดงอย่าง นายแพทย์เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. และอดีต สส.พรรคเพื่อไทย ระบุทางเฟซบุ๊กว่า รับน้องกลับจากพรรคเพื่อไทยครับ
ขณะที่คอมเมนต์ต่างเข้ามาระบุ ยินดีด้วย ถูกต้องแล้ว ดีใจด้วยที่ก้าวออกมา ถูกแล้วคุณหมอ รักเต้นจากใจ ดีใจที่พี่เต้นยังมั่นคงในแนวทาง เพื่อไทยไม่มีสัจจะ เหตุผลฟังไม่ขึ้น แดงแท้ต้องยึดมั่นในอุดมการณ์มากกว่าผลประโยชน์ ไม่เป็นมิตรกับเผด็จการ ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย
ทัศนีย์ อดีต สส.ลาออกเพื่อไทย
นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์หนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้วของพรรคเพื่อไทย ที่ดึงพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเริ่มเจรจากับขั้วรัฐบาลเดิม นางสาวทัศนีย์ เคยโพสต์ข้อความระบุว่า เอาน้ำดีไปรวมน้ำเสีย ไม่นานจะกลายเป็นน้ำเน่า
นางสาวทัศนีย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กด้วยว่า ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ยากมากที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิต เธอให้กำลังใจและขอบคุณผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย แต่การแสดงจุดยืนนี้เป็นสิ่งที่ชัดเจนสำหรับนางสาวทัศนีย์ เพราะเป็นหนึ่งในคนที่ถูกจับกุมจากการส่งจดหมายชี้แจงการทำประชามติรัฐธรรมนูญปี 2560 ถูก คสช. ควบคุมตัวไปขังที่มณฑลทหารบกที่ 11 เป็นเวลา 7 วัน ก่อนส่งไปดำเนินคดีที่จังหวัดเชียงใหม่ ในความผิดหลายข้อหา ก่อนที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องในเวลาต่อมา
ซึ่ง นางสาวทัศนีย์ เคยเปิดเผยเรื่องราวขณะที่ถูกควบคุมตัวว่า ทหารขับรถวนบ้านจับมัดมือ ปิดตา ทั้งที่เป็นโรคกลัวที่แคบ เคล้าสโตรโฟเบีย (Claustrophobia) ต้องกินยาเพื่อรักษา ขับรถวนบ้านเป็นชั่วโมงเพื่อไปขังในบ้านเก่า ๆ ซักถาม 7 วัน เข้าเรือนจำอีก 21 วัน รวมญาติพี่น้อง คนงานอีก 14 คน ถูกจับขึ้นศาลทหารหมด เพียงเพราะทำจดหมายชี้แจงอีกด้านหนึ่งของรัฐธรรมนูญปี 60 ต่อมาเธอได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนคอร์ติโซล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ไว้คอยควบคุมการรับมือความเครียดได้อย่างถาวร สาเหตุเพราะความวิตกกังวลขณะอยู่ในเรือนจำ แม้ศาลยกฟ้องไปแล้วก็ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาใด ๆ
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35