ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เจ้าของร้านน้ำกระท่อม ร้อง ลูกจ้าง ถูกฝ่ายปกครองอุ้มพาเข้ากองร้อย พร้อม ลูกน้อย อีก 2 คน ก่อนขู่รีดเงิน 4,000 บาท แลกกับการปล่อยตัว ซึ่งทางร้านมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด
สาวร้องถูก ฝ่ายปกครอง บุกรีดไถ่ค่าน้ำกระท่อม จ.สงขลา
วงจรปิดภายในร้านน้ำกระท่อม เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ช่วงเวลา 17.43 น. บันทึกภาพ รถกระบะ 4 ประตู ขับมาจอดที่หน้าร้าน ก่อนมี ชายฉกรรจ์ 2 คน แต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ กองอาสารักษาดินแดน หรือ ชื่อย่อคือ อส. โดยที่เสื้อกั๊กด้านหลังปักชื่อ กรมการปกครอง เดินมาเปิดลังน้ำแข็งที่ตั้งอยู่หน้าร้าน ก่อนก็มีเจ้าหน้าที่อีกคน คนที่ 3 เดินตามมา
จากนั้น เจ้าหน้าที่คนแรก ก็ได้เดินเข้าในร้าน และ ทำการรื้อค้นตู้เก็บของ ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 2 คน เดินไปเทน้ำแข็งที่อยู่ในลังออกจนหมด ก่อนขยับรถกระบะ แล้วยกลังน้ำแข็งขึ้นท้ายรถ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว จะเห็นว่า เจ้าหน้าที่คนแรก ได้บังคับให้ ลูกจ้างสาว ปิดร้าน และ ไปขึ้นรถกระบะ ทั้ง ๆ ที่เธออยู่กับลูก อีก 2 คน ก่อนสุดท้ายทั้งหมดพากันหอบขึ้นรถกระบะ และขับออกไป โดยวงจรปิดนี้ เจ้าของร้านขายน้ำกระท่อม เป็นผู้นำออกมาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว เนื่องจาก หลังลูกจ้างนั่งรถออกไปกับชายที่แต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ กลับถูกข่มขู่ รีดไถ่เงิน จำนวน 4,000 บาท
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง ร้านจำหน่ายใบกระท่อม ตั้งอยู่ริมถนนกาญจนวานิช ซอย 1 ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา พบ นางสาวสุภาพร จันทร์ดวง หรือ เกด อายุ 30 ปี ผู้เสียหาย บอกว่า วันที่เกิดเหตุ ไม่ได้มีชายฉกรรจ์แค่ 3 คน แต่มีถึง 4 คน แต่เจ้าหน้าที่คนที่ 4 นี้ ไม่ได้ลงรถ นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ ค่อยสังเกตอยู่บนรถ
ก่อนที่ทั้งหมดจะพาตนเอง และลูก ไปที่กองร้อยอาสารักษาดินแดน และ บังคับให้ โทรหาเจ้าของร้าน เพื่อให้มาเคลียร์พร้อมนำเงินมา 10,000 บาทด้วย แต่ทางเจ้าของร้าน ต่อรองเหลือ 5,000 บาท แต่ทางชายฉกรรจ์ ไม่ยอม จนเวลาล่วงเลยไป ตนเองจึงต่อรองขอจ่าย 4,000 บาท ซึ่งกลุ่มชายฉกรรจ์ ก็ปฏิเสธ พร้อมข่มขู่ว่า จะตัวส่งตำรวจ สภ.เมืองสงขลา จนกระทั่งช่วง 19.30 น. กลุ่มชายฉกรรจ์ ถามว่า มีเงินสดไหม ตนก็บอกว่า ไม่มี ต้องไปกด เพราะต้องให้สามีโอนมา สุดท้ายกลุ่มชายฉกรรจ์พาขึ้นรถอีกครั้ง ไปกดเงินมาให้ ก่อนจะขับพาตนและลูกมาส่งที่บ้านพัก
ขณะเดียวกัน กลุ่มชายฉกรรจ์ ได้พูดถึงสาเหตุที่ควบคุมตัวผู้เสียหาย โดยแจ้งว่า ทางร้านนำ ยาแก้ไอ แบบต้องห้าม ใส่ลงไปผสมในน้ำกระท่อม ซึ่ง ทางผู้เสียหาย ก็บอกว่า ไม่เป็นความจริง เพราะ ทางร้านใส่เพียงน้ำเชื่อมเท่านั้น ไม่มียาแก้ไอ แบบต้องห้าม แต่อย่างใด แต่ด้วยความกลัว เพราะอยู่กับลูกน้อย อีก 2 คน จึงยอมทำตามที่เจ้าหน้าที่บอก เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงยอมจ่ายเงินไป โดยมีหลักฐานเป็นสลิปเงินที่กดออกมา ซึ่งสอดคล้องกัน กับช่วงเวลาที่เกิดขึ้น
รู้ตัวแล้ว ! สั่งสอบฯ ชี้พบผิดฟันโทษวินัย-ดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไป พบ นายเศตว เพชรนุ้ย ปลัดจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ภายหลังได้รับแจ้งเรื่อง ก็ได้สั่งการให้ ผบ.หน่วย แต่ละฝ่าย เช็คกำลังพล ว่า ในห้วงเวลาดังกล่าว มี ผู้ใต้บังคับบัญชาคนใด ออกปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ และในห้วงเวลานั้น จนล่าสุด ไปพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกลุ่มดังกล่าวแล้ว
โดยตามขั้นตอน จะให้ผู้บังคับหน่วยดังกล่าว ชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษร จากนั้น ก็จะได้ดำเนินการทางวินัย หากมีมูลความผิด ก็จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการ และลงโทษ ตามระเบียบ ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น ทางปลัดฯ ได้มอบหมายให้ทางคณะกรรมการ ที่ทางจังหวัดได้แต่งตั้ง ไปทำหน้าที่ค้นหาความจริง คาดคงใช้เวลาประมาณ 7 วัน จะสามารถสรุปผลได้ทั้งหมด
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35