ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เศรษฐา โพสต์ตอบโต้ ชูวิทย์ หลังถูกแฉไม่เลิก ปมทำนิติกรรมอำพรางซื้อขายที่ดิน ยืนยันมอบหมายฝ่ายกฎหมาย ดำเนินคดีถึงที่สุด
เศรษฐา โพสต์โต้ ชูวิทย์ บิดเบือนข้อเท็จจริง
ถือเป็นมวยถูกคู่ จนทำให้อุณหภูมิการเมืองร้อนแรงตามไปด้วย ภายหลังนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง แถลงข่าวเปิดปฏิบัติการแฉเพื่อชาติ ตอนที่ 2 ปั่น บวม ตัดตอน เมื่อวานนี้ ซึ่งนายชูวิทย์ อ้างว่า บริษัท แสนสิริ จำกัด มหาชน ภายใต้การบริหารในยุคนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย มีการตั้งบริษัทนอมินี โดยมีชื่อ แม่บ้าน และ รปภ. เป็นกรรมการ เพื่อซื้อที่ดินทองหล่อ จนได้รับเงินทอนจำนวนหลาย 100 ล้านบาท นั้น
ล่าสุดวันนี้ นายเศรษฐา มีการโพสต์ชี้แจงบางช่วงว่า เคยบริหาร แสนสิริ มากว่า 30 ปี บริษัทฯ ผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง โดยที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จนเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แนวหน้าของประเทศ และเติบโตมาจนมีทรัพย์สินรวมเกือบ 130,000 ล้านบาท และมีกำไรมากกว่า 4,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาการตรวจสอบจากทุกฝ่ายนั้น เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ และพร้อมให้ตรวจสอบ แต่การตรวจสอบต้องสร้างสรรค์ และทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ มีข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และไม่บิดเบือน ซึ่งขณะที่ตนเองเป็นผู้บริหารบริษัทฯ ที่ดินแปลงสารสิน ซื้อมาตามราคาตลาดที่เหมาะสม ส่วนที่ดินแปลงทองหล่อซื้อมาในราคาตารางวาละ 1,100,000 บาท ที่เป็นราคาตลาดตามปกติในขณะนั้น
ฉะนั้นการกระทำใด ๆ ที่บิดเบือน ไม่เป็นความจริง ฝ่ายกฎหมายจะรวบรวมข้อมูล และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด หากฝ่ายกฎหมายของบ้านเมืองเข้ามาตรวจสอบ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และพึงกระทำแต่การที่บุคคลหนึ่งปลุกปั่นตั้งสมมติฐานขึ้นมาเอง โดยมีเป้าหมายบางประการเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
สาวยันไม่ใช่ แม่บ้านนอมินี กู้เงินซื้อที่ดินพันล้านบาท จ.มหาสารคาม
นอกจากนายเศรษฐา จะมีการเคลื่อนไหวแล้ว นางสาวพินิช อายุ 38 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 บ้านดอนหัน ตำบลนาทอง อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นบุคคลที่นายชูวิทย์ อ้างว่า เป็นแม่บ้านนอมินีกู้เงินจาก แสนสิริ มา 1,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินทองหล่อได้เดินทางแจ้งความตำรวจ สภ.เชียงยืน เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
โดย นางสาวพินิช ระบุว่า รู้สึกตกใจมากเมื่อนายชูวิทย์ มีการนำชื่อนามสกุล และสำเนาบัตรประชาชนของตนเอง ไปเผยแพร่อ้างว่า ตนเองกู้เงินเป็น 1,000 ล้านบาท ทั้งที่ไม่เคยทำธุรกิจอะไรเลย ส่วนตัวเคยไปทำงานที่กรุงเทพจริง แต่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และไม่ได้ทำอาชีพแม่บ้าน อย่างที่นายชูวิทย์กล่าวอ้าง
ขณะที่ นางสาวปราณี ผู้ใหญ่บ้านดอนหัน ยืนยันว่า นางสาวพินิช เพิ่งจะแต่งงานกับแฟนหนุ่ม แล้วก็เห็นอยู่ที่บ้านตลอด โดยมีการเลี้ยงไก่ชน และทำอาชีพเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เหมือนคนที่สามารถกู้เงินได้เป็น 1,000 ล้านบาท
จ่อร้อง บิ๊กโจ๊ก สอบ แสนสิริ ทำนิติกรรมอำพราง
ด้านนายชูวิทย์ มีการโพสต์ถึง นายเศรษฐา อีกครั้งว่า ความจริงเริ่มปรากฏเพียงแค่ไม่ถึงวัน นางสาวพินิช แม่บ้าน ที่ผมเอาขึ้นมาแสดงว่าเป็น นอมินี ในบริษัทแห่งหนึ่ง ที่เธอมีหุ้นถึง 99.998 คู่กับนายสมศักดิ์ที่เป็น รปภ. โดยเธอออกมาแสดงตัวว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องทั้งที่มีชื่อได้รับเงินกู้จากบริษัทลูกของแสนสิริถึง 1,000 ล้านบาท ก่อนโอนหุ้นตัดตอนให้อีกคน และไม่ส่งงบติดต่อกัน 5 ปี จนกลายเป็นบริษัทร้างในที่สุด
ตรงนี้แสดงว่า นางสาวพินิจ ถูกสวมบัตรประชาชนเพื่อไปกู้เงิน เพราะในวันที่รับเงินกู้ มีการดำเนินการโดยนายสมศักดิ์ ที่เป็นกรรมการคู่กัน และปรากฏว่านายสมศักดิ์ เป็นผู้เซ็นชื่อทำนิติกรรม ที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งตรงนี้ยังไม่รู้ว่า เป็นตัวปลอมอีกหรือไม่จึงอยากถามว่า แสนสิริ ไม่ได้ตรวจสอบ หรือแกล้งไม่ตรวจสอบ
ส่วนตัวในฐานะประชาชน ผู้ถือหุ้น แสนสิริ จำนวน 20,000 หุ้น ได้รับความเสียหายจากการกระทำดังกล่าวที่ถือเป็นนิติกรรมอำพราง อย่างสมบูรณ์แบบ ฉะนั้นวันพรุ่งนี้ 17 สิงหาคม เวลา 10.00 น.จะไปแจ้งความต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ชูวิทย์ ยื่นฟ้อง เศรษฐา ขู่แฉเพิ่ม
จากนั้นเมื่อช่วงบ่าย ที่ศาลอาญา นายชูวิทย์ ยื่นฟ้องนายเศรษฐา และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ หลังจากถูกนายเศรษฐา ยื่นฟ้องไปก่อนหน้านี้ โดยนายชูวิทย์ ระบุว่า วันนี้ฟ้องกลับนายเศรษฐา 3 ข้อหา ฐานหมิ่นประมาท ฟ้องเท็จ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
เบื้องต้นตนเองไม่ได้ต้องการฟ้องเพื่อเอาทรัพย์สินเงินทอง แต่ต้องการพิสูจน์ความจริง เพราะประชาชนควรมีสิทธิ์ได้รับรู้ ส่วนกรณีฟ้องนายวิญญัติ ทนายความของนายเศรษฐา เนื่องจากมีความพยายามเล่นการเมืองมากเกินไป จนลืมมารยาททนายความ
ส่วนประเด็นที่นายเศรษฐา ชี้แจงว่า ทำธุรกิจอสังหามานานกว่า 30 ปีนั้น ถ้าหน่วยงานภาครัฐเข้าไปตรวจสอบบริษัทแสนสิริจริง จะพบความจริงหลายอย่าง นอกจากเรื่องที่ดินย่านสารสิน และทองหล่อแล้ว หลังจากนี้ตนเองจะแฉที่ดินโซนสุขุมวิท โดยมีหลักฐานว่า เอาบริษัทต่างชาติมาเป็นนอมินี เพื่อซื้อที่ดินภายในซอยสุขุมวิท 12 และก็ยังมีย่านอ่อนนุช ที่เตรียมจะแฉตามลำดับ
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังโพสต์ข้อความเพิ่มเติม เป็นภาพเอกสารสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท ที่มีชื่อ นางสาวพินิช ที่อ้างว่าเป็น แม่บ้าน และนายสมศักดิ์ ที่อ้างว่าเป็น รปภ. มีชื่อเป็นกรรมการบริษัท โดยมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท
โดยนายชูวิทย์ ระบุข้อความประกอบว่า ของแบบนี้ดูกันที่เอกสาร แสนสิริ ให้กู้มีหนังสือจดจำนองที่ดิน 1,000 ล้านบาท และต่อมาตามไปซื้อที่ดินแปลงนี้ต่อ ถือว่าแปลกจะซื้อก็ซื้อ แต่ต้องให้จำนองก่อน เพื่อตัดทอนส่วนต่างไป
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35