ข่าวเย็นประเด็นร้อน - การเมืองวันนี้ ยังคงต้องจับตาความเคลื่อนไหวที่เกิดมาตั้งแต่ช่วงหยุดสุดสัปดาห์ นั่นคือกระแสข่าวพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ขอให้พรรคเพื่อไทย ต้องแบ่งโควตากระทรวงต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยก่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องดูว่าวันนี้แต่ละพรรคที่มีความชัดเจนร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะว่าอย่างไรบ้าง
อนุทิน คาด 1-2 วันนี้ รู้ได้เก้าอี้กระทรวงไหนบ้าง
เริ่มกันที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย ถึงโควตารัฐมนตรี ก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ได้มีการพูดคุยกันมาตลอด แต่ในรายละเอียดน่าจะได้คุยกัน 1-2 วันนี้ พอทราบว่าพรรคภูมิใจไทย จะได้กี่ตำแหน่ง แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องกระทรวง ส่วนตัวมองว่าตำแหน่งรัฐมนตรี ควรจะชัดเจนก่อนโหวตเลือกนายกฯ ทุกฝ่าย ทุกพรรค ก็แสดงความเห็นออกมาในแนวทางนั้น ส่วนพรรคภูมิใจไทย วางเป้าหมายว่าจะคุมกระทรวงใดหรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า จะต้องรอไปพูดคุยกันก่อน หากพูดไว้ก่อน จะถือเป็นการกดดันซึ่งกันและกัน ในเวลานี้จะกดดันกันเองไม่ได้ ควรจะใช้วิธีการหารือกัน หาข้อตกลงร่วมกัน ให้เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย
ส่วนกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้รัฐมนตรีเดิม คุมกระทรวงเดิมนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ขออย่าเพิ่งไปใส่ใจกระเเส คนที่พรรคภูมิใจไทยได้รับมอบหมายให้ไปหารือด้วยมีเพียง นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ซึ่งคุยกันอยู่แค่ในวงนี้ หากไปฟังคนโน้นคนนี้พูดที ก็ไม่ได้ พูดคุยกันตามช่องทางที่ได้ตกลงกันไว้ ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะได้กี่รัฐมนตรีช่วย กี่ว่าการกระทรวงนั้น ก็คงต้องไปว่ากัน
อนุทิน รับได้โควตารัฐมนตรี 4+4
ในช่วงบ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางไปเป็นประธานการประชุม สส.พรรคภูมิใจไทย ซึ่งก่อนการประชุม ได้ทักทายสื่อมวลชน โดยนายอนุทิน ได้สอบถามสถานการณ์การเมืองกับสื่อมวลชน สื่อมวลชนจึงย้อนถามอนุทินว่า ได้ระบุวันที่จะนัดพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย ในการแบ่งโควตารัฐมนตรีหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้นัดเลย
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทย ได้โควตารัฐมนตรีจำนวนเท่าไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า เบื้องต้นน่าจะได้ 4+4 ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าพรรคภูมิใจไทย อยากได้กระทรวงใด นายอนุทิน ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
ศรีสุวรรณ ร้องเอาผิด ปดิพัทธ์ ปมโพสต์ถือเบียร์
ยังอยู่ที่พรรคก้าวไกล สืบเนื่องจากกรณีที่หมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 โพสต์รูปคู่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลงโซเชียล มีความเห็นและการตอบโต้กันตามมา โดยวันนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ไปที่รัฐสภายื่นหนังสือขอให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราฎษร ใช้อำนาจของคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการพิจารณาไต่สวนสอบสวนและลงโทษ สส. ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ สส. และกรรมาธิการ ต่อนายปดิพัทธ์ ว่าได้กระทำการอันมีลักษณะเป็นการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเป็นการสื่อสารการตลาดให้กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตขึ้นในจังหวัดพิษณุโลก รวมทั้งในอีก 1-2 วันนี้ จะยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้พิจารณาพ้นจากตำแหน่งด้วย
นอกจากนี้ นายศรีสุวรรณ ได้ไปยื่นเรื่องร้องต่อคณะกรรมการควบคุมแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สอบสวนและเอาผิดตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต่อนายปดิพัทธ์ด้วย
ราเมศ ซัด ปดิพัทธ์ ไม่อายสุนัขที่ข้ามทางม้าลายหรือ
ขณะที่ท่านนี้ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นหลังที่นายปดิพัทธ์ ชี้แจงผ่านโพสต์เฟซบุ๊กว่า ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เป็นถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฏร แต่กลับแสดงความเห็นในเรื่องหลักการกฎหมายบ้านเมืองมีตรรกะที่ผิดเพี้ยนทั้งสิ้น คนที่มีสติปัญญาเขาไม่พูดออกมาเช่นนั้นแน่นอน ที่บอกว่าการโพสต์รูปคราฟเบียร์ ว่า เป็นเรื่องปกติ ความจริงคนที่โพสต์ผิดปกติมากกว่า
นายราเมศ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายปดิพัทธ์ บอกว่าตนเป็นรองประธานสภา ไม่ใช่เสมียนบรรจุกฎหมาย ว่า ก็ต้องมีความคิดที่จะเสนอต่อสังคมได้ ประเด็นนี้ นายปดิพัทธ์ เป็นรองประธานสภาคนที่ 1 ไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย ต้องมีจิตสำนึกเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน มิหนำซ้ำยังกระแหนะกระแหนว่าตนเป็นรองประธานสภาไม่ได้เป็นเสมียนตรากฎหมาย เรื่องนี้หลักการความเป็นมนุษย์เท่ากัน เสมียนตรากฎหมายอาจจะมีจิตสำนึกมากกว่าคนที่เป็นรองประธานสภา ที่พูดมาไม่อายสุนัขที่ข้ามทางม้าลายเลยหรือ
วราวุธ ยังไม่รู้ ได้โควตากระทรวงเดิมหรือไม่
ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า โควตารัฐมนตรี ยังไม่ได้มีการประสานมาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คาดว่าจะรอหลังพิจารณาโหวตนายกฯ แต่ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ ทราบเพียงแค่วันพรุ่งนี้ จะมีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการตีความเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล
สำหรับโควตารัฐมนตรี คำนวนจากจำนวน สส. ในฝั่งรัฐบาลมีเท่าไหร่ หารด้วยจำนวนรัฐมนตรี 35 คน ตามที่กฎหมายกำหนด ก็จะได้อัตราส่วน สส. 8 หรือ 9 คน ต่อรัฐมนตรี 1 คน ซึ่งต้องให้แต่ละฝ่ายมาเจรจากันก่อน จึงสามารถตอบได้แน่ชัด ส่วนกรณีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทย ไม่อยากให้ฝั่งรัฐบาลเดิม นั่งรัฐมนตรีตำแหน่งเดิมนั้น นายวราวุธ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกับพรรคร่วมก่อน จะบอกว่าพอใจหรือไม่ ยังพูดไม่ได้
ภูมิธรรม ยันไม่มีปัญหากดดันแบ่งเก้าอี้ ย้ำโหวตนายกฯ แล้วคุยกัน
ในส่วนของพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า เท่าที่คุยกันไม่มีปัญหาอย่างที่กล่าวมา และไม่ทราบว่าไปได้ยินมาจากไหน ยืนยันว่าเพื่อไทยสร้างความมั่นใจและชัดเจน ซึ่งต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ทั้งหมดก็พร้อมที่จะเข้าร่วม ซึ่งตนก็ไม่ได้กังวลเรื่องนี้ ทั้งนี้ เมื่อเลือกนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว จึงจะมีการมาคุยกันเรื่องตำแหน่ง ซึ่งหากวันประชุมร่วมเป็นวันที่ 18 สิงหาคม หรือวันที่ 22 สิงหาคมจริง และเลือกได้เลย ก็สามารถตกลงและจัดตั้งรัฐบาลได้ในเร็ววัน
ภูมิธรรม ย้ำโหวตนายกฯ ครั้งเดียวผ่าน
ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายภูมิธรรม ยืนยันว่า เสียงสนับสนุนเพื่อโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงพอ และมีความพร้อม ไม่ว่าประธานรัฐสภา จะนัดลงมติในวันที่ 18 หรือ 21 สิงหาคมนี้ ส่วนตัวเชื่อว่า การโหวตจะผ่านพ้นไปได้ภายในครั้งเดียว ส่วนการรวบรวมเสียงสนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ มีเพียงพอที่จะเป็นรัฐบาลอย่างเข้มแข็งด้วย
นายภูมิธรรม ย้ำด้วยว่า ความยากลำบากของการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง ย่อมมีความเจ็บปวด วันนี้พรรคเพื่อไทย อาสาเป็นหินก้อนแรก สร้างทางลดความขัดแย้ง ขยายความร่วมมือให้มากขึ้น เชื่อว่าจะเป็นบรรทัดฐาน ในการฝ่าวิกฤต 10-20 ปีที่ผ่านมา ย้ำว่า พรรคเพื่อไทย ตัดสินใจด้วยความยากลำบาก ต้นทุนที่จ่ายไปก็มาก และเพื่อไทยต้องคิดใหญ่ ต้องใจใหญ่ บนเส้นทางที่คับแคบ เราต้องพาไปให้ได้ ทั้งหมดอยู่ในสายตาประชาชน ถ้าตัดสินใจผิดพลาดอย่างไร ในฐานะพรรคการเมือง จะพร้อมรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหากทุกอย่างเดินหน้าต่อไปราบรื่น จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ราวปลายเดือนสิงหาคม หรือ ต้นเดือนกันยายนนี้
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังกล่าวขอบคุณ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่แสดงความห่วงพรรคเพื่อไทย จะถูกพรรคร่วมรัฐบาลรุมกินโต๊ะตำแหน่งรัฐมนตรี พร้อมระบุว่า ใครจะรู้ดีเท่าพรรคเพื่อไทย ขณะนี้ พรรคเพื่อไทยไม่ได้ใช้แนวทางเดียวกับพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นทางตัน แต่เป็นทางคับแคบที่มีอุปสรรค และต้องฝ่าฟัน
ธนกร ชี้คุยร่วมรัฐบาล ต้องจบก่อนโหวตนายกฯ
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อช่วงเช้า นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการจะเข้าร่วมรัฐบาลว่า ในเวลา 15.00 น. วันนี้ จะประชุม สส. กับผู้บริหารพรรค หากมีความคืบหน้า หัวหน้าพรรคจะแจ้งในที่ประชุม ซึ่งในทางการเมืองก่อนโหวตนายกฯ ทุกอย่างควรหารือกันให้จบก่อน ไม่ใช่โหวตไปแล้วค่อยมาหารือทีหลัง เชื่อว่าคงมีการหารือนอกรอบกันก่อน แล้วค่อยโหวต และเชื่อว่าจะจบได้ ซึ่งที่ผ่านมา จะหารือกันให้จบก่อน
แต่ครั้งนี้หากจะเปลี่ยนแปลงก็ทำได้ ขึ้นอยู่กับพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่จะพูดคุยหารือ เท่าที่ตนดู พรรคที่จับมือกันจัดตั้งรัฐบาลเขาพูดคุยกันได้ ไม่ได้มีปัญหา
เมื่อถามว่าพรรคไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรในการจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ถ้าร่วมก็จะเป็นหัวหน้าพรรค ต้องเป็นผู้พูดคุยเงื่อนไขต่าง ๆ พรรคทำงานโดยยึดผลประโยชน์ประเทศและประชาชน ถ้ายึดตามนี้แล้ว สามารถพูดจากันได้หมด ไม่มีปัญหา ส่วนกระแสข่าวพรรคอยากได้กระทรวงพลังงานและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส นายธนกร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ทราบเท่าที่สื่อทราบเช่นกัน ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่าคนอื่น หากหัวหน้าและเลขาธิการพรรคแจ้งให้ทราบถึงจะทราบ ถ้าไม่ได้แจ้งก็ไม่ทราบ
ไผ่ ลิกค์ เผยประสาน 7 สว. ช่วยโหวตนายกฯ เพื่อไทย
ในฟากของพรรคพลังประชารัฐ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ กล่าวยืนยันถึงการสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ว่า ขอย้ำว่า 40 สส. ของพรรคพลังประชารัฐ ยังโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย โดยไร้เงื่อนไขและไม่มีข้อแม้ใด แต่ต้องการทำให้เกิดรัฐบาลให้เร็วที่สุด พร้อมกันนี้ ล่าสุด ได้พูดคุยกับ สว. ได้เสียงมาสนับสนุนเพิ่ม 7 เสียง ที่จะช่วยโหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯ แต่ไม่ขอบอกว่าเป็น สว. สายไหน และไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะได้เสียงเพิ่มจำนวนเท่าใด เพราะหากทำอะไรตรงไหนได้ก็จะทำ
บิ๊กป้อม ปัดตอบร่วมรัฐบาล เพื่อไทย
แม้ว่านายไผ่ ลิกค์ สส.ของพลังประชารัฐ จะเปิดเผยออกมาชัดเจนขนาดนี้ แต่ว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งไปประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ปฏิเสธตอบคำถามทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคเพื่อไทย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การแบ่งโควตาคณะรัฐมนตรี จะต้องเสร็จสิ้นก่อนโหวตนายกฯ หรือไม่ พลเอก ประวิตร ก็ไม่ได้ตอบคำถามเช่นกัน ผู้สื่อข่าวก็ถามย้ำอยากได้ยินจากปาก พลเอก ประวิตร ว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ซึ่ง พลเอก ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถาม
พิธา นำลูกพรรค สมัครเลือกตั้งซ่อม สส. ระยอง
ไปดูการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ที่จังหวัดระยอง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรคก้าวไกล เดินทางไปให้กำลังใจผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า มั่นใจเกินร้อย คราวที่แล้วพี่น้องชาวระยองให้ความไว้วางใจพรรคก้าวไกลเป็นอันดับหนึ่ง วันนี้จึงตั้งใจออกมาตั้งแต่เช้าคนแรก ทำให้นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัคร สส. ของพรรค ได้เบอร์ 1 โดยตั้งใจทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนชาวระยอง
นายพิธา กล่าวว่า เป็นการเลือกตั้งซ่อมครั้งแรก หลังการเลือกตั้งทั่วไป 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่สำเร็จ และยังไม่สะท้อนเจตนารมณ์ประชาชน ดังนั้นการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งแสดงเจตจำนงพี่น้องของประชาชนทั้งในระยองและทั้งประเทศ แต่เนื่องจากไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า เลือกตั้งนอกเขต และนอกราชอาณาจักร ดังนั้นจึงเชิญชวนทุกคนวางแผน ยืนยันสิทธิขั้นพื้นฐานในการเลือกตั้ง มาใช้สิทธิออกเสียงกันให้ถล่มทลาย ในวันที่ 10 กันยายนเท่านั้น โดยหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรค พร้อมทั้ง สส. พรรคก้าวไกล จะมาช่วยหาเสียงสม่ำเสมอ
พิธา ฝาก 2 คำถามถึง กกต. ปมหุ้นไอทีวี
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. มีมติยกคำร้องในคดีมาตรา 151 ของนายพิธา ทำให้วันนี้ นายพิธา โพสต์เฟซบุ๊กข้อความยาวเหยียด แต่โดยสรุปประมาณว่า คดีหุ้นไอทีวีเป็นที่น่าสงสัยว่า เป็นการจงใจกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ พร้อมกับฝากคำถาม 2 คำถามถึง กกต. คือ
1. คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนดังกล่าว ซึ่งทำคดีมาตรา 151 มีมติก่อนที่ กกต. จะพิจารณาส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่ คณะกรรมการสืบสวนฯ ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่รวบรวมพยานหลักฐานและเรียกพยานบุคคลมาสอบข้อเท็จจริง ได้เห็นข้อเท็จจริงว่า ไอทีวีมิได้ประกอบกิจการสื่อและมิได้มีรายได้จากกิจการสื่อมวลชน แต่ กกต. กลับยังยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
2. การที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนมีมติว่า หุ้นไอทีวีไม่ใช่หุ้นสื่อ นอกจากจะสอดคล้องกับแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ก็สอดรับกับความเห็นของประชาชนทั่วไปอีกด้วย ดังนั้น การสั่งให้ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นธรรมหรือไม่
“ก้าวไกล” มีมติ ไม่โหวตให้แคนดิเดตฯ “เพื่อไทย”
พรรคก้าวไกล ออกแถลงการณ์ หลังประชุม สส. และมีมติ ว่าจะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลผสมข้ามขั้ว เพื่อแสดงจุดยืนว่าเราไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.รัฐบาลผสมข้ามขั้วที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีการนำพรรครัฐบาลขั้วเดิมเกือบทั้งหมดมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย เท่ากับขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนที่แสดงออกอย่างชัดเจนในวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ว่าต้องการพลิกขั้วรัฐบาล
2.การที่พรรคก้าวไกลจะโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐบาลผสมข้ามขั้วนี้ ไม่ใช่การปิดสวิตช์ สว. ตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่เป็นการเดินตาม สว. เพื่อปิดสวิตช์ก้าวไกล
เพราะหากทุกพรรคการเมืองมีเจตนาที่จะปิดสวิตช์ สว. และเคารพเจตจำนงของประชาชนอย่างแท้จริง ก็ต้องแสดงออกโดยการโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างมากที่จัดตั้งโดยก้าวไกลตั้งแต่แรก ไม่ใช่การจัดตั้งรัฐบาลตามความต้องการของ สว. และอ้างว่าปิดสวิตช์ สว.
3.แม้ขณะนี้จะยังไม่มีความชัดเจนเรื่ององค์ประกอบคณะรัฐมนตรี แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าหน้าตาคณะรัฐมนตรีจะไม่แตกต่างจากรัฐบาลเดิมมากนัก พรรคก้าวไกลไม่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลโดยเกรงใจผู้มีอำนาจแต่ไม่เกรงใจประชาชน จะผลักดันวาระที่ก้าวหน้าและนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริงได้
พรรคก้าวไกลยืนยันอีกครั้งว่า การไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีผสมข้ามขั้วนั้น เราไม่ได้พิจารณาบนพื้นฐานของคุณสมบัติของตัวแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการตัดสินใจบนจุดยืนทางการเมืองและคำสัญญาที่พรรคก้าวไกลได้ให้ไว้กับประชาชนคือ “มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา” ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่สามารถตระบัดสัตย์ต่อประชาชนได้
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35