ก้าวไกล ใจอ่อนไหม ? “เพื่อไทย” บากหน้าขอขมา วอนโหวตฟรี แต่ให้เป็น “ฝ่ายค้าน”

สถานการณ์ การเมืองไทย ยังคงน่าติดตามกันต่อ โดยวันนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทย เดินทางไปที่ พรรคก้าวไกล เพื่อขอเสียงโหวต และขอขมา จากพรรคก้าวไกล แม้จะให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านดังเดิม ทิศทางจะเป็นอย่างไรต่อ ติดตามได้ในถกไม่เถียง  

 

 

            วันที่ 9 ส.ค. 66 วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ กล่าวว่า วันนี้ต้องยอมรับว่าความไว้วางใจ และความผิดหวังจากประชาชน ต่อ พรรคเพื่อไทย กระทบกระเทือนแน่ ๆ ซึ่งตนคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดของ พรรคเพื่อไทย ตอนนี้ เขาต้องตอบกับประชาชนว่า ทำไม พรรคก้าวไกล ถึงต้องโหวตให้เขา แล้วยอมจำนนให้กับอำนาจของสว. ประชาชนจะได้อะไรจากสิ่งนี้ ขณะที่ตอนพรรคร่วม 8 พรรค รวมกัน นำโดย พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล 312 เสียงนั้น ได้มีการขอเสียงโหวตจากฟากฝ่ายค้าน เพื่อให้เคารพเสียงจากประชาชน อันนี้มีความชอบธรรม ทั้งนี้ ตนไม่สามารถตอบแทนพรรคก้าวไกลได้ว่าจะโหวตให้หรือไม่ แต่ส่วนตัวตน ด้วยการอธิบายตอนนี้ของพรรคเพื่อไทย แนวโน้มน่าจะไม่โหวตให้ 

 

            อย่างไรก็ตาม ต่อให้พรรคก้าวไกล โหวตให้ พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล โดยจะมีเสียงแค่ 264 เสียง ซึ่งมันจะไม่มีเสถียรภาพมากพอ เพราะจะมีสส.บางคนไปนั่งเป็นรัฐมนตรี ทำให้การทำงานคาบเกี่ยวกันระหว่างสภาฯ และทำเนียบฯ ในการร่างกฎหมาย ทำไม่ได้ จึงอาจจะนำไปสู่การนำ 2 ลุงมาร่วมรัฐบาล อ้างทำเพื่อเสถียรภาพของรัฐบาล ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วใครจะรับผิดชอบความผิดหวังของประชาชน อีกทั้ง พรรคเพื่อไทย จะอธิบายคนเสื้อแดงได้อย่างไร เพราะ 264 เสียงนั้น ต้องรวมกับ พรรคประชาธิปัตย์ ด้วย ซึ่งหากเขาร่วมรัฐบาลกัน แล้วเขาจะทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงได้อย่างไร 

 

 

            ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทย กลับมายืนขั้วเดิม ไม่ต้องสลายขั้ว เป็น 8 พรรค 312 เสียงเดิม มันจะเป็นการกลับมายืนเคียงข้างประชาชน และตนเชื่อว่า ถ้าเป็นแบบนี้ พรรคเพื่อไทยสามารถอธิบายประชาชนได้จับมือกันให้แน่น มันก็สามารถไปต่อได้ ซึ่งยังสามารถทำงานร่วมกันได้ ที่ผ่านมาเราไม่เคยมีปัญหากัน เราแบ่งหน้าที่กันอย่างดี กระทรวงฯต่าง ๆ ก็ไม่เคยแย่งกัน เพื่อไทย เขาเก่งด้านเศรษฐกิจ เราก็เชื่อใจเขา ส่วนเราขอกระทรวงฯทางสังคมเพื่อเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง เขาก็เชื่อใจเรา นอกจากนี้ รัฐบาลรักษาการณ์ไม่ใช่ทำอะไรไม่ได้ ถ้ามีเหตุสาธารณภัย เขาก็สามารถใช้งบกลางได้ เพียงแต่ต้องไปแจ้งกกต. ก่อนเท่านั้นเอง  

 

 

            ด้าน รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ให้ความเห็นว่า จริง ๆ แล้ว พรรคเพื่อไทย ต้องไปขอขมาฐานเสียงของพวกเขามากกว่า เพราะสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำ เหมือนไม่ได้คำนึงฐานเสียงที่สนับสนุน ร่วมสู้ด้วยกันมา ซึ่งแค่จับมือกับพรรคภูมิใจไทย ก็แย่พอแล้ว ทั้งนี้ เมื่อตอนพรรคเพื่อไทยหาเสียง "ไล่หนู ตีงูเห่า" แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่า เป็นเพียงการสื่อสารเพื่อให้ได้คะแนนเสียง ซึ่งมันรับไม่ได้เลยในทางรัฐศาสตร์ ถือว่า เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ พูดอะไรไปก็ได้เพื่อให้ได้คะแนนนิยม แล้วไม่ทำตามสัญญา ทำให้ประชาชนสิ้นศรัทธา แล้วประชาชนจะเชื่อเขาได้อย่างไร 

 

            ขณะที่ตอนนี้ พรรคเพื่อไทย พยายามสลายขั้วการเมือง โดยการสื่อสารออกมาว่า ประเทศไทยในตอนนี้กำลังตกอยู่ในวิกฤต เขามีความจำเป็นจะต้องแก้วิกฤติของประเทศ เขาทำให้เหมือนมันเป็นเรื่องน่ากลัว เป็นปัญหาที่ต้องแก้ด้วยการจับมือทุกฝ่ายเป็นรัฐบาลปรองดอง ทว่าตนอยากจะบอกว่า ประเทศไทยไม่ได้มีวิกฤติ มันเป็นการชะงักของกลไกในการจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งคนที่ทำให้เกิดอุปสรรคนี้ก็คือสว. นอกจากนี้ ตนยังมองว่า พรรคก้าวไกล ไม่มีพันธกิจที่จะต้องไปสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพราะ พรรคเพื่อไทยเขากำลังจะสลายขั้วอำนาจรวมกับกลุ่มเผด็จการ อีกหนึ่งแนวทางตนคิดว่า 312 เสียงเดิม นำโดยพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ถ้ารวมกันต่อประชาชนจะมีความหวัง แล้วจับมือกันให้แน่น รอไปอีก 9 เดือน ซึ่งในระหว่างนี้ถ้าสว. ยังไม่โหวตให้ สังคมจะหันไปกดดัน สว. 

 

 

            ทั้งนี้แผนของพรรคเพื่อไทย ตนวิเคราะห์จากการสื่อสารของพรรคในช่วงนี้ คาดว่า มันชัดเจนว่าเขาเปิดทางเพื่อไปรวมกับ 2 ลุง แล้วมันก็น่าจะเกิดขึ้นด้วย ซึ่งถ้าเกิดขึ้น เราก็น่าจะไม่ได้เห็นนายกฯจากพรรคเพื่อไทย น่าจะเป็นนายกฯที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย สำหรับประเด็นงูเห่านั้น ตนคิดว่าก็คงจะมี ตนได้ยินมาว่าอาจจะเป็นงูจงอางเลยด้วยซ้ำ ทว่า ลักษณะการมา น่าจะมาเป็นตัว ๆ มากกว่า ไม่ได้มาทั้งฝูงทั้งรัง ซึ่งก็ต้องบอกว่า บทเรียนของบรรดางูเห่าทั้งหลายก็ได้เห็นชัดกันมาอยู่แล้ว ถ้าคิดจะทำแบบนี้ ก็รอดูว่าประชาชนเขาจะทำยังไงกัน