“เพื่อไทย” แถลงจับมือ 6 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เชื่อมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว

412 ครั้ง

09 ส.ค. 2566

แชร์ข่าวไปที่

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - พรรคเพื่อไทย ตั้งโต๊ะแถลงข่าวจับมืออีก 6 พรรคร่วม เพื่อจัดตั้งรัฐบาล เชื่อมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว

เพื่อไทย แถลงจับมือ 6 พรรคการเมืองร่วมจัดตั้งรัฐบาล

ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ยังมีประเด็นให้ติดตามไม่เว้นวัน ภายหลังพรรคเพื่อไทยจับมือพรรคภูมิใจไทย เพื่อเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ (9 ส.ค.) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อม นายภูมิธรรม เวชชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และตัวแทนอีก 6 พรรคการเมือง ร่วมกันแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ

นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคท้องที่ไทย

รวมถึงสามารถรวบรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว แต่ยังคงต้องเดินหน้าขอเสียงจากทุกฝ่าย ทั้งบรรดา สส. และ สว. ทั้งในรูปแบบองค์กรและตัวบุคคล โดยเชื่อมั่นว่าจะจัดตั้งรัฐบาล และสลายขั้วการเมืองได้ เพราะตอนนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนรุนแรง ฉะนั้นการประวิงเวลาออกไป ยิ่งทำให้เกิดความเสียหาย

เปิดสูตรรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนำเสียงของพรรคเพื่อไทย 141 เสียง และภูมิใจไทย 71 เสียง ไปรวมเข้ากับ 6 พรรค ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง พรรคท้องที่ไทย 1 เสียง และพรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง จะทำให้มีเสียงทั้งหมด 228 เสียง

หมอชลน่าน หลุดปากนับจำนวนเสียงเกิน

อย่างไรก็ตาม ระหว่างแถลงข่าว นายแพทย์ชลน่าน ได้พูดถึงจำนวนตัวเลขว่า มีทั้งหมด 238 เสียง ก่อนจะพูดแก้ตัวแบบติดตลกว่า ผมคงนับล่วงหน้าเกินไป ซึ่งตรงนี้ ผู้สื่อข่าวคาดการณ์ว่า อาจเป็นการนับรวมเสียงของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มีทั้งหมด 10 เสียง และเตรียมจะแถลงข่าวร่วมกับพรรคเพื่อไทยในวันพรุ่งนี้ (10 ส.ค.)

ขณะที่ ประเด็นของพรรคก้าวไกลนั้น นายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนพรรคก้าวไกลมาแล้วถึง 2 ครั้ง ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่มันมีข้อจำกัดหลายอย่าง ทำให้ร่วมงานกันไม่ได้ แต่คาดหวังจะให้พรรคก้าวไกลโหวตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ไม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร เราเคารพการตัดสินใจของพรรคก้าวไกล

ขณะเดียวกัน นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่า จะมีการเสนอ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้เช่นเดิม

ภูมิธรรม ขอโทษ ก้าวไกล

ด้าน นายภูมิธรรม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่า รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นเป็นรัฐบาลพิเศษ ที่ตั้งขึ้นมาในช่วงวิกฤตหลายอย่าง ทั้งวิกฤตปากท้อง ความเดือดร้อน และวิกฤตความขัดแย้ง โดยมีเป้าหมายสร้างการเมืองมิติใหม่ ไม่ได้ตั้งตนอยู่ฝั่งตรงข้ามฝ่ายค้าน โดยจุดยืนสุดท้ายที่ตกลงกับพรรคก้าวไกล ชัดเจนว่า พรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้าน ส่วนเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาล ซึ่งเราจะทำงานการเมืองร่วมกันให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ยกเว้นการแก้ไขมาตรา 112

ผู้สื่อถามถึงกระแสข่าว นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เตรียมนำ สส.ของพรรค จำนวน 24 คน ย้ายไปร่วมกับพรรคก้าวไกลนั้น นายภูมิธรรมบอกว่า จากการพูดคุยกันไม่ทราบเรื่องนี้

ส่อดรามา ! เสรีพิศุทธ์ แย้มเลี้ยงดูแลพรรค 2 ลุง

แต่คนที่กลายเป็นประเด็นดรามาวันนี้ คงหนีไม่พ้น พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่มีการพูดบางช่วงระหว่างแถลงข่าวว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อสลายขั้วทางการเมือง จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจด้วย เพราะตอนนี้มีหลายคนเข้าใจผิดว่า ตอนหาเสียงพูดแบบนั้น ต้องยึดมั่น แล้วละเมิดไม่ได้ ซึ่งการหาเสียงเป็นความพยายามให้ได้คะแนนเสียงมา ไม่ใช่นโยบายของพรรค แต่ถ้าผิดคำพูด ไม่ยอมทำตามนโยบายพรรค แบบนั้นจึงถือว่าผิดสัญญา

ส่วนเสียงต้านทานไม่ยอมให้พรรคเพื่อไทยรวบรวมคะแนนเสียงจากบางพรรคนั้น อยากให้ประชาชนไปดู สามก๊ก หรือประวัติศาสตร์ชาติไทย เมื่อทำศึกสงคราม จนแม่ทัพเขาตายแล้ว เราจะเอาไพร่ไปเลี้ยงดู หรือจะฆ่าทิ้งให้หมด

ยันสนับสนุน เพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล

ขณะที่ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ แถลงว่า ทางพรรคส่งเสริมให้เพื่อไทยเป็นแกนนำในการรวบรวมเสียงให้ได้ 375 เสียงขึ้นไป เพื่อให้ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะพรรคที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องไม่ต่ำกว่าพรรคอันดับ 2 คือ พรรคเพื่อไทย เท่านั้น ถ้านอกเหนือจากนี้ ถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย

เช่นเดียวกับ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า แสดงความมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมเสียงได้แน่นอน และจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ส่วนตัวเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ เพราะเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน แล้ว ยังไม่มีรัฐบาลชุดใหม่ ฉะนั้นการช่วยหาเสียงสนับสนุนในวุฒิสภา ถือเป็นภารกิจอย่างหนึ่งของพรรค เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ

จาตุรนต์ แจงปมข่าวลือเตรียมขน สส. ซบก้าวไกล

ทั้งนี้ ประเด็นกระแสข่าวว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง เตรียมขน 24 สส.พรรคเพื่อไทย ออกไปซบพรรคก้าวไกลนั้น ล่าสุด นายจาตุรนต์โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หลายปีก่อน มีนักการเมืองคนหนึ่งไปต่างประเทศแล้ว ไม่ได้กลับเมืองไทยพร้อมคณะ เขาลือกันว่านักการเมืองคนนี้เสียชีวิตไปแล้ว แกกลับมา ก็รีบไปใต้ถุนสภา แถลงข่าวว่าผมยังไม่ตายครับ ความจริงแค่ทักทายผู้สื่อข่าวก็พอแล้ว ผมไม่น่าจะต้องทำแบบเดียวกัน ในเรื่องที่มีการเต้าข่าวกันอยู่มั้ง ใครสงสัยก็ให้ไปหารัฐธรรมนูญอ่านเอา สส.ย้ายพรรคได้ที่ไหน

เชื่อสมาชิก 8 พรรคเดิม เป็นทางออกประเทศ

ไปต่อกันที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคก้าวไกล กล่าวถึงท่าทีการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยว่า การประชุมกรรมการบริหารพรรค เมื่อวานนี้ (8 ส.ค.) ยังไม่มีการหารือแนวทางโหวตนายกรัฐมนตรี แต่ตอนนี้ไม่อยากให้หลายคนด่วนสรุปอะไร เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนกรอบรัฐธรรมนูญ

โดยพรรคก้าวไกลมีจุดยืนชัดเจน และผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ก็สะท้อนความจริง ของคนส่วนใหญ่ในประเทศไปแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่า พันธมิตร 8 พรรคเดิม เป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศไทยเวลานี้

ลั่นหาก เพื่อไทย หวังขอโทษ ต้องกลับมาร่วมขั้วเดิม

ขณะที่ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีพรรคเพื่อไทย พร้อมเจรจาขอโทษว่า การขอโทษที่ดีที่สุด คือ การกลับใจมาร่วมกับขั้ว 8 พรรคเดิม ที่มี 312 เสียง และใช้เอ็มโอยูเดิมที่เคยทำร่วมกัน

แซะ เพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลสูตรไหนก็พังพินาศ

มากันที่ความเห็นของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากร คณะหลอมรวมประชาชน มองว่า การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะใช้สูตรไหน ล้วนพังพินาศทั้งสิ้น เพราะต้องหักดิบ และทรยศคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน

ส่วนพรรคก้าวไกลจะโหวตนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายจตุพรกล่าวว่า สส.ก้าวไกล ได้ทำโพลส่วนตัวถามประชาชน และเสียงส่วนใหญ่เป็นเอกฉันท์ ไม่โหวตให้พรรคเพื่อไทย ฉะนั้นเมื่อการเมืองเป็นแบบนี้ การตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยจะยิ่งยากขึ้น แม้จะมี สส.แยกตัวออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ยังตั้งไม่ได้อยู่ดี

ปดิพัทธ์ พร้อมทำทุกหน้าที่ หากพ้นตำแหน่ง รองประธานสภาฯ

ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ตามรัฐธรรมนูญหากพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา จะต้องออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ

วันนี้ นายปดิพัทธ์ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 บอกว่า สิ่งที่นายวิษณุพูด ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเหตุใดรัฐธรรมนูญจึงเขียนแบบนี้ ต่างจากประเทศอื่นที่ไม่ได้กำหนดไว้ ส่วนตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ตนเองไม่ขอก้าวก่ายกิจการภายในพรรค เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารที่จะต้องพิจารณา ตอนนี้ยังเป็นเรื่องของอนาคต ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะคุณสมบัติของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และไม่ทราบว่าจะมีโอกาสถึงขั้นเปลี่ยนหัวหน้าพรรคหรือไม่

ส่วนตัวพร้อมทำหน้าที่ทุกบทบาท แต่ในเมื่อตอนนี้ ยังเป็นรองประธานสภาฯ อยู่ ก็ยังคงทำหน้าที่ตามวิสัยทัศน์ที่ประกาศเอาไว้ และหากไม่ได้เป็นรองประธานสภาฯ ก็ยังเป็น สส. และกรรมาธิการอยู่ สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร

ขอบคุณภาพจาก : Facebook ประเทศไทยต้องมาก่อน

ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35