logo ข่าวเย็นประเด็นร้อน

“เศรษฐา” ฟ้อง “ชูวิทย์” 500 ล้าน ด้าน “สว.กิตติศักดิ์” เชื่อ นายกฯ คนที่ 30 ไม่ใช่เพื่อไทย

ข่าวเย็นประเด็นร้อน : ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เศรษฐา มอบอำนาจทนายความ ฟ้องเอาผิด ชูวิทย์ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท หลังถูกแฉเรื่องนิติกรรมอำ ช่อง7,ช่อง7HD,CH7,CH7HD,7HD,CH7HDNEWS,ข่าว,ข่าว7,ข่าวช่อง7,ข่าววันนี้,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ข่าวสด,ข่าวเด็ด,ข่าวด่วน,ข่าวร้อน,ข่าวไทย,ข่าวออนไลน์,ข่าวโซเชียล,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวการเมือง,ดูทีวีย้อนหลัง,ดูรายการย้อนหลัง,ดูย้อนหลัง,ถกไม่เถียง,ทินถกไม่เถียง,TERODigital,ข่าวเย็นประเด็นร้อน,สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา,สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์,เปรมสุดา สันติวัฒนา,ฝนฟ้าอากาศ,ทิน โชคกมลกิจ

413 ครั้ง
|
07 ส.ค. 2566
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เศรษฐา มอบอำนาจทนายความ ฟ้องเอาผิด ชูวิทย์ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท หลังถูกแฉเรื่องนิติกรรมอำพราง ซื้อขายที่ดินหลบเลี่ยงภาษี
 
เศรษฐา ฟ้องเรียกค่าเสียหาย ชูวิทย์ 500 ล้านบาท
 
กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมาอีกคู่ ที่ทำให้อุณหภูมิการเมืองร้อนระอุ สำหรับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งฝ่ายแรกออกมาแฉเป็นชุด ๆ อ้างว่า สมัยเป็นกรรมการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นายเศรษฐา ทำนิติกรรมอำพราง ซื้อขายที่ดินหลบเลี่ยงภาษี
 
ล่าสุด เช้าวันนี้ (7 ส.ค.) นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ผู้ได้รับมอบอำนาจจากนายเศรษฐา เดินทางไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นฟ้องเอาผิดนายชูวิทย์ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
 
นายวิญญัติ ระบุว่า การกระทำของนายชูวิทย์ อาจทำให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อได้ว่า นายเศรษฐาเป็นบุคคลไม่ดี และไม่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ความจริง กรณีกล่าวอ้างเรื่องหลบเลี่ยงภาษีนั้น พบว่าผู้ขายได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยการโอนแบ่งคืนให้ผู้ถือหุ้น คนละวันกัน จึงไม่ถือว่า บุคคลดังกล่าว ได้กรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพร้อมกัน
 
เมื่อมีการขายให้บริษัทแสนสิริ บริษัทเดียวกัน แต่ต่างคนต่างขายคนละวัน หรือแม้ว่าจะขายในวันเดียวกัน ผู้ขายทั้งหมดก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ในฐานะห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ส่วนตัวขอตั้งข้อสังเกตว่า นายชูวิทย์มีเจตนาพูดไม่ครบถ้วน หวังบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยมีวาระกลั่นแกล้ง จึงยื่นฟ้องพร้อมค่าเสียหาย 500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี
 
ชูวิทย์ ยันวิจารณ์ เศรษฐา ตามกฎหมาย
 
ขณะที่นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตอนนี้ตนเองมีคดีฟ้องร้องแล้ว 21 คดี และการออกมาพูดถึงนายเศรษฐา เป็นการทำเพื่อชาติ เพราะถือเป็นบุคคลสาธารณะ และกำลังถูกเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัตินายเศรษฐา เป็นสิ่งที่ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะหากอ้างอิงตามรัฐธรรมนูญในมาตรา 160 บุคคลที่เป็นนายกนัฐมนตรี ต้องมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์
 
ฉะนั้นก่อนที่นายเศรษฐาจะเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ห้ามมีพฤติการณ์น่าสงสัย ส่วนกรณีนายเศรษฐาฟ้องดำเนินคดีนั้น อยู่ระหว่างปรึกษาทนายความว่าจะฟ้องกลับเลยหรือไม่ เพราะถือเป็นการกลั่นแกล้งให้ยอมปิดปาก หลังจากนี้ จะยื่นหลักฐานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ตรวจสอบ
 
ส่วนตัวเป็นคนชอบขุด ชอบทำหลุมพราง เมื่อผู้ซื้อและผู้ขายร่วมทำนิติกรรมอำพราง ก็จะต้องรับโทษตามกฎหมาย โดยคนใส่สูท เวลาจะปล้น ไม่ได้ใช้ปืน แต่ใช้กฎหมายเว้นวรรค
 
พร้อมพงศ์ แฉ ชูวิทย์ พูดความจริงครึ่งเดียว
 
ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่า การแถลงข่าวของนายชูวิทย์ มีอะไรแอบแฝงหรือไม่ โดยขอจับโกหกคำโตของนายชูวิทย์ ด้วยภาพถ่ายที่ยืนยันว่า เจ้าตัวเคยไปพบผู้บริหารแสนสิริ และนายเศรษฐา เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 เพื่อเสนอขายที่ดินให้แสนสิริ แปลงที่บอกว่าขายให้บริษัทด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ที่มีการวางเงินมัดจำ 400 ล้านบาท แต่ท้ายที่สุด แสนสิริปฏิเสธการรับซื้อ เพราะติดขัดประเด็นข้อกฎหมาย เป็นสาเหตุให้นายชูวิทย์โกรธเคืองหรือไม่
 
นอกจากนี้ คนในวงการรู้ดีว่า นายชูวิทย์ สนิทกับบิ๊กฝ่ายไหน ส่วนประเด็นพฤติกรรมอำพราง น่าจะเป็นสวนชูวิทย์มากกว่า เพราะเคยยกให้เป็นสวนสาธารณะ แต่สุดท้ายมาบอกว่าไม่ได้ยกให้ จนมีคนไปร้อง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ ฉะนั้นขอเตือนนายชูวิทย์ อย่าเป็นพวกว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง
 
เรืองไกร ยื่นสอบคุณสมบัติ เศรษฐา
 
ไปกันที่ความเคลื่อนไหวของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือต่อ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม รองประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง การซื้อขายที่ดินของแสนสิริ สมัยที่มีนายเศรษฐาเป็นผู้บริหาร ตามที่นายชูวิทย์ออกมาแฉ โดยนายเรืองไกรเรียกร้องให้เร่งตรวจสอบ ก่อนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งถัดไป
 
เบื้องต้น กรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา เตรียมเสนอต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาและรัฐสภา เพื่อทำการตรวจสอบ และเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อเท็จจริง
 
วิเคราะห์ เพื่อไทย-เศรษฐา เป้านิ่งถูกถล่มหนัก
 
ส่วน นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กบางช่วงว่า สภาพเป้านิ่งที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยรับไม้จัดตั้งรัฐบาล เริ่มหนักหน่วงขึ้นทุกวัน ขณะนี้ นายเศรษฐาถูกถล่มด้วยสารพัดเรื่อง รวมทั้งคดีอาญา ไม่ต่างกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยล่าสุดมีทีท่าจากคณะ 4 สว. ว่า จะไม่โหวตให้นายเศรษฐา และถึงเวลานั้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ นายชัยเกษม นิติสิริ 2 แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย อาจต้องถอนตัวตาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
 
ชัยธวัช ระบุยังไม่เคาะปมโหวตนายกฯ
 
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยกลับมาจับมือก้าวไกลอีกครั้ง ว่า ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย แต่ทางก้าวไกลพร้อมทำหน้าที่ทุกส่วน ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใด 
 
ส่วนท่าทีการโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เพราะยังพอมีเวลาตัดสินใจ และตอนนี้เราไม่รู้ว่าสถานการณ์จะพลิกผันไปถึงจุดไหน โดยคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง และรวมเสียงข้างมากได้ ควรจะเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าไปตั้งเงื่อนไขเยอะ จะทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง เพราะคุณสมบัตินั้น ประชาชนได้ตัดสินผ่านการเลือกตั้งแล้ว
 
เชื่อ นายกฯ คนที่ 30 ไม่ได้มาจากเพื่อไทย
 
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. กล่าวถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีว่า รู้สึกหนักใจแทนนายเศรษฐา ที่กำลังถูกโจมตีอย่างหนัก โดย สว.จะต้องพิจารณาเรื่องคุณสมบัติ ผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างรอบคอบ และต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับจริยธรรมผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง
 
เบื้องต้นคาดว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ถึงขั้นจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก และเมื่อพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็จะเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองลำดับที่ 3 ของนายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือลำดับ 4 อย่างพรรคพลังประชารัฐ
 
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 
 
ชมผ่าน YouTube https://youtu.be/0gOQpIdEZmY

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง