เพื่อไทย เตรียมเสนอชื่อ เศรษฐา โหวตนายกฯ คาดสูตรจัดตั้งรัฐบาล ไม่มีทั้งลุง-ก้าวไกล

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - การเมืองวันนี้ ถือว่ายังอยู่ในช่วงหยุดยาว 6 วัน และประกอบกับเลื่อนวันประชุมรัฐสภาโหวตเลือกนายกฯ เป็นวันที่ 4 สิงหาคม ทำให้พรรคเพื่อไทย ที่รับไม้ต่อจัดตั้งรัฐบาลจากก้าวไกล มีโอกาสหายใจหายคอเจรจา จัดสูตรตั้งรัฐบาลมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ ก็มีนัดหมายกันออกมาค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะหารือ 8 พรรคร่วมกันวันไหน

 

เพื่อไทย เตรียมเสนอชื่อ เศรษฐา โหวตนายกฯ นัดคุย 8 พรรคร่วม 2 ส.ค.

 

เริ่มกันที่ ความคืบหน้าการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่เลื่อนมาตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม วันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จะนัดประชุม 8 พรรคร่วมวันที่ 2 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย เนื่องจากวันที่ 1 สิงหาคม หรือพรุ่งนี้ ยังเป็นวันหยุด หลายคนอยู่ต่างจังหวัด ยังไม่สะดวกมาร่วมประชุม

 

จากการพูดคุยกับทั้ง สว. และ สส. จากพรรคการเมืองต่าง ๆ แสดงความเห็นตรงกันว่า พร้อมยกมือสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย แต่ต้องไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย หากยังมี พรรคก้าวไกล พรรคการเมืองต่าง ๆ ยืนยันจะไม่ให้เสียงสนับสนุน ซึ่งเป็นปัญหาที่พรรคเพื่อไทยกำลังเผชิญ และคงต้องนำไปหารือกันในที่ประชุม 8 พรรคร่วม จากนั้นพรรคเพื่อไทยจะนัดประชุม สส. วันที่ 3 สิงหาคมที่รัฐสภา ก่อนจะโหวตผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ วันที่ 4 สิงหาคม

 

มีรายงานว่า พรรคเพื่อไทย เตรียมแจ้งต่อที่ประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า การโหวตนายกฯ จำเป็นต้องดึงเสียง สส. จากพรรคขั้วตรงข้าม เพื่อให้เสียงเกิน 375 เสียง แต่ยืนยันว่าจะรับฟังเสียงของประชาชน ลดการต่อต้าน ด้วยการไม่มีพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ามาร่วม อีกทั้ง จะนำข้อเรียกร้องของ สว. และพรรคการเมืองต่างๆ ที่จะโหวตนายกฯ ให้ แต่ไม่ยอมรับพรรคก้าวไกล ให้ที่ประชุม 8 พรรคร่วมตัดสินใจ ทั้งนี้มีรายงานว่า รายชื่อที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอโหวตเป็นนายกฯ ในวันที่ 4 สิงหาคม คือ นายเศรษฐา ทวีสิน

 

คาดสูตรจัดตั้งรัฐบาล มีลุงไม่มีเรา

 

ส่วนสูตรจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทย ที่มีการวิเคราะห์ คาดการณ์กันมากพอสมควร ในเงื่อนไขที่ พรรคเพื่อไทย ต้องแก้โจทย์ที่ทั้งพรรคขั้วรัฐบาลเดิม และ สว. คือต้องไม่มีเรื่องแก้มาตรา 112 และไม่มีพรรคก้าวไกล ในขณะที่ พรรคก้าวไกล ก็มีจุดยืนในรัฐบาลต้องไม่มีพรรคลุงมาร่วมด้วย 

 

สูตรที่ถูกพูดมากที่สุดอีกสูตรหนึ่งในตอนนี้ จึงเป็นสูตรที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และ พรรคก้าวไกล เสียสละไปเป็นฝ่ายค้าน แต่โหวตนายกฯ ให้เพื่อไทย โดยมีพรรคเพื่อไทย 141 เสียง, พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง, พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง, พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง, พรรคประชาชาติ 9 เสียง รวมกันเป็น 256 เสียง ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนฯ แต่เสียงถือว่าเกินครึ่งไม่มาก อาจต้องดึง พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง, พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง และพรรคเล็กพรรคน้อยเข้ามาเติม

 

ส่วนพรรคก้าวไกล 151 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง รวมแล้ว 228 เสียง เป็นฝ่ายค้าน แต่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อประมาณ 12.30 น. ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะเจรจา 8 พรรคร่วม ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ เพียงสั้น ๆ ระบุว่า ข่าวลือ ออกมามากเหลือเกินขณะนี้....ฟังหู ไว้หู..โปรดใช้วิจารณญาณ...

 

ชูวิทย์ เผยสูตร มีลุงร่วมรัฐบาล

 

แต่ว่าสูตรนี้ จะต่างจากที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมือง ได้โพสต์เฟซบุ๊กไว้เมื่อคืนนี้ ซึ่งระบุว่า ขณะนี้เจรจาใต้ดินได้สูตรจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา ประชาชาติ และพรรคเล็กอื่นๆ รวมได้ 315 เสียง เป็นสูตร มีลุงไม่มีเรา เหมือนตอนหาเสียง ที่ก้าวไกลรณรงค์จนได้คะแนนอันดับหนึ่ง แต่กลับย้อนศร ตอนจัดรัฐบาลเที่ยวนี้ เพราะมีลุงเป็นรัฐบาล จึงไม่มีเรา ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน ถ้าหากดูตามที่ นายชูวิทย์ วิเคราะห์ไว้ พรรคก้าวไกล จะไปเป็นฝ่ายค้าน ร่วมกับประชาธิปัตย์ ไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม

 

พปชร. ล้างไพ่ตั้ง ธรรมนัส เลขาฯ พรรค เจรจาตั้งรัฐบาล

 

ในสูตรของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มีทั้ง พรรคพลังประชารัฐ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ รวมอยู่ด้วย ซึ่งในส่วนของพรรคพลังประชารัฐเอง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาอย่างยิ่ง ในการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลาออกจากหัวหน้าพรรค ส่งผลกรรมการบริหารพรรคพ้นตำแหน่งไปด้วย แล้ว พล.อ.ประวิตร ก็ถูกเสนอชื่อขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นการเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่ทั้งหมด ซึ่งที่ถูกจับตา คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรค นอกจากนี้ อีก 2 ตำแหน่งที่เป็นที่จับตา คือ การแต่งตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของ พล.อ.ประวิตร ให้เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ตามด้วยการแต่งตั้ง นายวราเทพ รัตนากร เป็นผู้อำนวยการสำนักงานพรรค ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ มีการวิเคราะห์เกมของพลังประชารัฐว่า ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส และนายวราเทพ ล้วนเป็นคนเก่าจากเพื่อไทย มีสายสัมพันธ์อันดีกับคนในตระกูลชินวัตร การตั้งให้ทั้งคู่มีตำแหน่งและสถานะเป็นตัวแทนพรรค น่าจะเป็นการเปิดทางสู่การเจรจาตั้งรัฐบาล หลังการโหวตนายกฯ ซึ่งในช่วงที่มีข่าวบรรดาคนพรรคการเมืองต่าง ๆ บินไปฮ่องกง เพื่อเจรจาซูเปอร์ดีลตั้งรัฐบาล มีชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส ด้วย แม้ว่าเจ้าตัวจะให้สัมภาษณ์ปฏิเสธว่าบินไปเรื่องธุรกิจส่วนตัว

 

สมชัย โพสต์ถาม เพื่อไทย คิดดีแล้วใช่ไหม จับมือพรรคให้คงมี สว.

 

ซึ่งผลจากความเคลื่อนไหวต่างๆ เหล่านี้ ทำให้วันนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อช่วงเช้าระบุว่า พลังประชารัฐ คือ พรรคการเมืองเดียวที่ลงมติไม่เห็นชอบในการลงมติญัตติการแก้ไขมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ ตัดอำนาจ สว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 ภูมิใจไทย คือ พรรคการเมืองที่หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และบุคคลสำคัญในพรรค ไม่ปรากฏตัวในห้องประชุมในวันนั้น เพื่อไทย คิดดีแล้วใช่ไหม ที่จะจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคที่ส่งเสริมแนวคิดคงให้ สว. มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี

 

พร้อมกันนี้ นายสมชัย ได้แจกแจงตัวเลขเมื่อวันที่ 7 กันยายน ไว้ดังนี้

 

7 กันยายน 2565 สส. ออกเสียงรับหลักการรวม 333 คะแนน, สว. ออกเสียงรับหลักการรวม 23 คะแนน, สส. ที่ไม่รับหลักการ 102 คะแนน (พลังประชารัฐ), สว. ที่ไม่รับหลักการ 151 คะแนน, สส. งดออกเสียง 8 คะแนน, สว. งดออกเสียง 45 คะแนน

 

รทสช. เตรียมหารือทิศทางโหวตนายกฯ 2 ส.ค.

 

ในส่วนของพรรคขั้วรัฐบาลเดิม อีกพรรคหนึ่งที่ก้าวไกลประกาศไม่ร่วมงานด้วย คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า วันที่ 2 สิงหาคม เวลา 16.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำพรรค นัดหมาย สส. ประชุม เพื่อกำหนดทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ ให้ไปในแนวทางเดียวกัน

 

นายธนกร ยังแสดงความเห็น กรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังคงเดินสายพบประชาชนต่างจังหวัด และมีการระดมมวลชนจัดชุมนุม เพื่อกดดันพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล ว่า นายพิธา และพรรคก้าวไกล ควรใช้เวลานี้ตรวจสอบข้อกฎหมาย และหาทางช่วย สส. ที่จะถูกดำเนินคดี มากกว่าใช้เวลาไปเดินสายพบมวลชน สะท้อนให้เห็นว่า นายพิธา ไม่ได้ห้ามปราม แต่กลับเห็นด้วยในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของแฟนคลับ และกลุ่มผู้สนับสนุน ซึ่งแกนนำของพรรคก้าวไกลเอง ยังออกมาแสดงความเห็นกดดันไปยังพรรคที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล ทั้งที่ พรรคก้าวไกล ประกาศส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว

 

ทุกพรรคการเมือง ยังคงเดินหน้าตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในระบบรัฐสภากันทั้งนั้น แต่อาจไม่ได้ถูกใจพรรคก้าวไกล หลังจากดูทิศทางการเมืองแล้ว กลัวตัวเองจะถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ จึงออกมาขู่ต่าง ๆ นานา รวมถึงใช้มวลชนมากดดัน ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมแบบนี้ เป็นการมองแค่พรรคของตัวเอง มากกว่าที่จะมองประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะการจัดการชุมนมกระทบต่อภาพลักษณ์และเศรษฐกิจของประเทศ จึงอยากให้พรรคก้าวไกลคิดให้ดี