แม่ร้อง หลังลูกชาย นั่งรถไปส่งเพื่อน แต่กลับถูกแก๊งวัยรุ่นเจ้าถิ่นกว่า 10 นาย ไล่ยิง ลากลงมากระทืบซ้ำ จนเสียชีวิต ทว่า ผ่านมากว่า 2 เดือนคดีไม่คืบหน้า ตร.ไม่แจ้งข้อมูลใด ๆ ฝั่งผู้ก่อเหตุก็นิ่งเฉย ด้าน ตร. ออกมาแจง ตอนนี้ได้ตัวผู้ก่อเหตุครบแล้ว !
วันที่ 31 ก.ค. 66 กวิณพัศ ธนพิพัฒน์บดี (โฟล์ค) รุ่นพี่ผู้เสียชีวิต ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อวันที่เกิดเหตุ น้องโปรด(ผู้เสียชีวิต) ได้โทรเรียกให้ตนขับรถยนต์ไปรับที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง หลังจากสอบเสร็จ ซึ่งก็จะมีเพื่อน ๆ ของน้องโปรด 3 คน และมีอีก 1 คนที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วยกัน ต่อมาได้ขับรถไปส่ง 1 ในกลุ่มเพื่อนของน้องโปรดซึ่งเป็นผู้หญิง ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่าน จ.ปทุมธานี โดยในขณะที่กำลังจะเข้าไปในหมู่บ้านนั้น ก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าบ้าน เหมือนนั่งดื่มสุรากันอยู่หลายคน ด้วยความที่กระจกรถตนใสวัยรุ่นกลุ่มนี้ก็ได้มองตน แต่ตนก็ไม่ได้คิดอะไร เข้าไปส่งเสร็จเพื่อนผู้หญิงเสร็จ ตนก็ขับวนออกมา
ระหว่างที่วนรถออกมา ต้องผ่านกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มเดิมก็ได้ยินเสียงเหมือนเสียงปืน ด้วยความตกใจตนก็ได้รีบโบกมือให้เพื่อนที่ขี่มอเตอร์ไซค์หนีไปก่อน จากนั้นตนก็ขับรถออกมาจากหมู่บ้าน ก็ได้เห็นกลุ่มวัยรุ่นขับรถมอเตอร์ไซค์ตามมา แต่ขับแซงรถของตนไปเหมือนจะขี่ตามเพื่อนที่ขี่มอเตอร์ไซค์หนีออกไปก่อนหน้านี้ จากนั้นตนก็ได้ตัดสินใจจอดรถในที่สว่างเพื่อที่จะติดต่อกับเพื่อนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ ทว่ากลุ่มวัยรุ่นก็ได้ตามตนมาอีก ประมาณ 10 คน ซึ่งเมื่อเขามาถึงก็ไม่ได้พูดอะไรเลย ยิงปืนใส่มา 3 นัด โดนไปที่ตัวของ น้องโปรด ทว่าไม่จบแค่นั้นกลุ่มวัยรุ่นตามมาลาก น้องโปรด ลงไปกระทืบซ้ำอีก พอตนจะเข้าไปช่วย น้องโปรด เขาก็ยิงปืนออกมาอีก โชคดีว่าไม่โดน
ทั้งนี้ เขาเข้ามาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเลย ตนพยายามจะบอกว่าตนมาส่งรุ่นน้อง แต่พวกเขาก็ตอบกลับด้วยลูกปืน อีกทั้งตนยืนยันได้ว่าไม่ได้ไปหาเรื่องเขาก่อน และไม่ได้รู้จักหรือมีเรื่องมีราวกันมาก่อนเลย ตอนเข้าไปในหมู่บ้าน ก็ไม่ได้เบิ้ลรถใส่แต่อย่างใด สำหรับอาการบาดเจ็บ ตนเขาปาสองมาใส่เจ็บแค่นิดหน่อย แต่รุ่นน้องคนหนึ่งกรามหัก อีก 1 คน ฟกช้ำนิดหน่อย ส่วนน้องโปรดเสียชีวิต อย่างไรก็ตามตนคิดว่าถ้าเขาไม่ลากน้องโปรดไปทำร้ายซ้ำ ตนน่าจะขับพาไปส่งโรงพยาบาลทัน และน้องจะไม่เสียชีวิต
ด้าน มาลัย พันธุสา (พลอย) แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนได้แจ้งความไว้ที่ สภ.คูคต แต่จากวันที่เกิดเหตุ จนถึงตอนนี้ผ่านมากว่า 2 เดือน ไม่มีการแจ้งความคืบหน้าคดีจากตำรวจเลย มีแต่ตนที่โทรไปสอบถามซึ่งก็จะได้คำตอบเดิม รู้ตัวแล้วว่าผู้ก่อเหตุคือใคร แต่กำลังติดตามอยู่ แค่นั้น กระทั่งตนมาได้ยินว่าที่คดีไม่เดินเพราะมี 1 ในกลุ่มผู้ก่อเหตุ เป็นลูกหลานของตำรวจใน สภ.คูคต อีกทั้ง ณ ตอนนี้ ไม่มีญาติของผู้กระทำความผิดติดต่อมาแสดงความเสียใจ หรือขอโทษเลยสักคนเดียว จนสุดท้ายตนต้องไปร้องเรียนกับทาง ทีมงานสายไหมต้องรอด
ฟาก เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า จากคลิปเหตุการณ์ที่ตนได้ดู ก็เห็นว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีเจตนาหาเรื่องเขาชัดเจน ต้องถามไปที่ ผกก.สภ.คูคต ว่า มีภาพจากกล้องวงจรปิดชัดเจนขนาดนี้ ทำไมถึงยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ ซึ่งตนจะช่วยประสานไปยัง ผกก.สภ.คูคต ว่าความคืบหน้าของคดีเป็นอย่างไรแล้วบ้าง มันติดปัญหาอะไร และไขข้อสงสัยในส่วนที่แม่ของผู้เสียชีวิตเขาสงสัย เรื่องลูกหลานของตำรวจ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มาทำคนเสียชีวิตขนาดนี้ ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด
จิฬาภรณ์ ตามชู กฤษณสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กล่าวว่า ทางกระทรวงยุติธรรมจะช่วยเหลือเยียวยาในฐานะที่ตกเป็นเหยื่อ หรือผู้เสียหาย เบื้องต้นจะได้รับเงินเยียวยาการเสียชีวิต 5 หมื่นบาท และค่าทำศพ 2 หมื่นบาท และค่าขาดอุปการะ 4 หมื่นบาท แต่ในส่วนนี้เราต้องรอผลคดีจากทางตำรวจเสียก่อน อีกส่วนคือการฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้กระทำความผิด ให้เขียนคำร้องยื่นไปกับอัยการได้เลย ทั้งนี้หากทางคุณแม่ และน้องโฟล์ค รู้สึกไม่ได้รับความปลอดภัยให้ไปยื่นเรื่องคุ้มครองพยาน ที่ยุติธรรมประจำจังหวัด สุดท้าย หากคดีไม่คืบหน้าจริง ๆ ให้ร้องทุกข์เข้ามาที่กระทรวงยุติธรรม
ขณะที่ พ.ต.ท. ประสิทธิ์ สมบุญจิตร หัวหน้างานสอบสวน สภ.คูคต ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้เราได้ตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 10 คนแล้ว ได้ดำเนินคดีไปแล้วมีทั้งหมด 7 ข้อหา โดยมีข้อหา ร่วมกันฆ่าคนตาย ร่วมกันพยายามฆ่า ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ปล้นทรัพย์ ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ร่วมกันพกพาอาวุธปืน ร่วมกันยิงปืน โดยสำนวนทั้งหมดได้ส่งให้อัยการพิจารณาแล้ว แต่ด้านผู้ต้องหาใช้สิทธิ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา อ้างเป็นการป้องกันตัว ทว่าเขาจะให้การอย่างไรก็ตาม แต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มันมี
ส่วนเรื่องที่มีผู้ต้องหาแค่ 10 คน จากทั้งหมด 12 คน เพราะว่า อีก 2-3 คนที่เหลือ เพิ่งเดินมาทีหลัง หลังจากกลุ่มแรกได้ก่อเหตุไปแล้ว ซึ่งเราได้กักตัวเป็นพยาน ซึ่งเขาจะมีความผิดหรือไม่นั้น อัยการ จะเป็นคนพิจารณาความผิดเพิ่มเติม ทั้งนี้ทางตำรวจได้แจ้งความคืบหน้าของคดีไปยังตัวของผู้เสียหายแล้วทางไปรษณีย์ ขณะที่เรื่องความปลอดภัยตนยินดีให้การคุ้มครองพยาน สำหรับประเด็นที่พูดกันว่า มีลูกหลานของตำรวจในสภ.คูคต ทำให้คดีไม่คืบหน้า ตนยืนยันว่าไม่มี ไม่ว่าใครก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35