อุกอาจ ! โชเฟอร์ 18 ล้อ ถูกรถหรูไล่ยิงบาดเจ็บ กลางถนน ตร.กลับจับต่างด้าวรับผิด !? : ช็อตเด็ด ถกไม่เถียง

หนุ่มโชเฟอร์  18 ล้อ  ถูกคนขับรถหรูขับชี้หน้า ก่อนควักปืนสาดกระสุนกลางถนน ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจกลับจับชายชาวเมียนมาร์มารับผิด ผู้เสียหายหวั่นสลับตัวมือยิง เพราะเจ้าของรถเป็นนายกเทศมนตรี !?  

 

 

            วันที่ 26 ก.ค. 66 อานนท์  พิมพ์โคกแฝก (นนท์) ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 66 ระหว่างที่ตนกำลังขับรถพ่วง 18 ล้อ อยู่บนถนนจ.ปทุมธานี ได้มีการขับแซงรถบรรทุกที่อยู่ข้างหน้า เมื่อแซงเสร็จตนก็ขับกลับเข้าเลน ทว่าได้มีรถฟอร์ดสีแดงขับตีคู่มาชี้หน้า ก่อนจะแซงออกไป หลังจากนั้นรถฟอร์ดคันเดิมได้จอดรถรอ และตามมาควักปืนยิงใส่รถของตนทั้งหมด 3 นัด จนได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้าย และบริเวณหลัง 

 

            ขณะที่ วันที่ 22 ก.ค. 66 เพื่อนของตนได้โทรมาบอกว่าตำรวจจับผู้ก่อเหตุได้แล้ว กำลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยที่ตำรวจไม่ได้บอกอะไรตนเลย และเมื่อตนจะเข้าไปหาผู้ก่อเหตุเขากลับไม่อยู่เจอ อ้างกลัวตนไปกระทืบ จนทุกวันนี้ตนก็ยังไม่ได้เจอ อีกทั้งตนได้มาทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นชายชาวเมียนมาร์ เนื่องจากประกันของรถพ่วงได้บอกว่าไม่รับเคลม เนื่องจากคู่กรณีเป็นต่างด้าว แต่ตนไม่เชื่อว่าจะผู้ก่อเหตุจะเป็นเขา เพราะรถที่ขับค่อนข้างราคาแพง ไม่น่ามีใครกล้าเอาให้ขับ 

 

            นอกจากนี้ ตนตรวจเช็กกับกรมขนส่งฯ ก็พบว่าเจ้าของรถตัวจริง เป็นนายกเทศมนตรี ในจ.นครราชสีมา ทั้งนี้ บุคคลในรถฟอร์ดคันก่อเหตุ ตนไม่เห็นหน้า เห็นเพียงแต่นิ้วมือที่เขามาชี้ตน โดยนิ้วมือมีลักษณะอ้วนป้อม สั้น ๆ และมีผิวสีออกดำแดง ขณะที่ชายชาวเมียนมาร์นั้นมีลักษณะสูง ไม่น่าจะมีนิ้วป้อมได้ ตนหวั่นว่าจะมีการสลับตัวมือปืน  

 

            เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า เคสนี้มันแปลก มันผิดวิสัย เพราะถ้าชาวเมียนมาร์เป็นลูกน้องที่ขับรถให้จริง เขาต้องกล้าหาญมากที่จอดรถแล้วเอาปืนจากหัวหน้าไปยิงคนอื่น ขณะเดียวกันได้ติดต่อไปยัง ผกก.สภ.คูบางหลวง แล้ว ตอนนี้ยังไม่สรุปคดี เพียงแต่ผู้ต้องหาเข้ามารับสารภาพ ก็ต้องดำเนินการไป ถ้าหากผลนิติวิทยาศาสตร์ออกมาไม่ตรงกับที่เขาอ้าง จะได้รับโทษ 2 เด้ง 

 

 

            ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย สภาทนายความฯ กล่าวว่า โดยหลักการตำรวจไม่จำเป็นต้องแจ้งผู้เสียหายเรื่องจับผู้ต้องหาได้แล้ว แต่โดยปกตินั้นเขาจะแจ้ง สำหรับความผิดนั้น หากชายชาวเมียนมาร์สลับตัวมารับผิดจริง จะมีความผิดฐานช่วยเหลือให้คนอื่นพ้นผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และความผิดฐานแจ้งความเท็จ รวมถึงผิด พ.ร.บ.จราจรฯ ฐานพกพาอาวุธปืน รวมถึงความผิดฐานพยายามฆ่าอีกด้วย 

 

 

            พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า สำหรับสำนวนของคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ของ สภ.คูบางหลวง ได้ส่งมาให้ตนแล้ว แล้วตนได้มีคำสั่งให้ไปสอบสวนเพิ่ม เพราะสงสัยในเรื่องของวิถีการยิง และยังได้สั่งให้สืบสวนฯจ.ปทุมธานี ลงไปตรวจสอบเพิ่มด้วย รวมทั้งให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาจำลองเหตุการณ์การยิง เพราะเขาสามารถเช็กได้ว่ามีการยิงมาจากฝั่งคนขับหรือคนนั่ง และการตรวจสอบดีเอ็นเอจากปืนด้วย ทั้งนี้หากผกก. โรงพักกระทำการไม่ดี ช่วยเหลือผู้กระทำความผิด จะมีความผิดในมาตรา 157