แม่ใจสลาย ลูกสาว 3 ขวบหายปริศนา วงจรปิดจับชัด ถูกลักพาตัวข้ามแดน !

หัวใจแม่แทบสลาย หลังจากลูกสาววัย 3 ขวบหายตัวไปพร้อมกับอดีตสามีชาวมาเลเซียอย่างปริศนา โดยที่เอกสารเดินทางต่าง ๆ ยังอยู่ครบ พอมาเช็กวงจรปิดถึงกับบางอ้อ เพราะแท้จริงอดีตสามีเป็นคนลักพาตัวลูกข้ามชายแดน !  

 

 

            วันที่ 25 ก.ค. 66 กานต์ ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เธอกับอดีตสามีชาวมาเลเซียมีปัญหาหย่าร้างกันเมื่อปี 2564 แต่ได้มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันมีอายุ 3 ขวบ ซึ่งหลังจากหย่ากันได้มีการแบ่งสิทธิ์เลี้ยงลูกกันคนละครึ่ง กระทั่งช่วงเดือน เม.ย. 2566 ลูกสาวได้หายไปพร้อมกับสามี โดยที่พาสปอร์ต และบัตรประชาชนของลูกก็ยังอยู่ที่ตน จนกระทั่งได้ไปเช็กกล้องวงจรปิดจึงทราบว่า อดีตสามีลักพาตัว และพาข้ามแดนที่ด่านปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา   

 

 

            ตนกับสามีชาวมาเลเซียได้ตัดสินใจหย่าร้างกันเมื่อปี 2564 และย้ายกลับมาอยู่ที่ไทยพร้อมกับลูกสาววัย 3 ขวบในเวลาต่อมา ขณะที่ศาลก็ได้ตัดสินให้ตนและอดีตสามีมีสิทธิ์ปกครองลูกเท่ากัน จากนั้น ก.พ.  ปี 2566 เขาก็ย้ายจากมาเลเซียเข้ามาอยู่ในคอนโดมิเนียมที่ประเทศไทย โครงการเดียวกับตน เพื่อใช้เวลาอยู่กับลูก ซึ่งตนก็ไม่เคยกีดกันเลย และได้แบ่งวันเวลาในการดูแลลูกกัน ทว่าเขากลับบอกกับตนว่าได้จ้างทนายแล้ว และอยากที่จะขึ้นศาลเยาวชน เพื่อขอสิทธิ์เลี้ยงดูลูกสาวแต่เพียงผู้เดียว 

 

            สำหรับสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกนั้น วันพุธ-วันเสาร์ ลูกจะอยู่กับตน ส่วนวันอาทิตย์-อังคาร ลูกจะอยู่กับอดีตสามี และทุกวันอังคารเขาจะมาส่งลูกคืนตนเวลา 19.00 น. รวมทั้งวันพฤหัสบดีเขามีสิทธิ์ไปรับลูกที่โรงเรียนได้ ซึ่งเขาก็ปฏิบัติมาดีโดยตลอด กระทั่งวันอาทิตย์ที่ 16 เม.ย. 66 ตนนำลูกไปส่งให้เขาที่จุดนัดพบนิติของคอนโดฯ และเขาต้องมีกำหนดการส่งลูกคืนตนคือวันอังคารที่ 18 เม.ย. 66 แต่เมื่อถึงวันดังกล่าว อดีตสามีได้ส่งข้อความมาว่า "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะดูแลลูกสาวเป็นอย่างดี ไม่ต้องรอเธอ(ลูกสาว)แล้วนะ" ซึ่งตนเจอข้อความแบบนั้นตนช็อกมาก จึงโทรติดต่อกลับไปหาเขา ซี่งเขาก็บอกกับตนอีกว่า ข้อความดังกล่าวมันชัดเจนอยู่แล้ว และเขาจะไม่ให้ตนได้เจอลูกอีก ถ้าจะไปขึ้นศาลก็เชิญเลย 

 

 

            นอกจากนี้ ในช่วงเวลากว่า 3 เดือนที่ลูกสาวหายไป ตนได้พยายามด้วยตัวเองเพื่อหาคำตอบจนมาได้ภาพวงจรปิดของคอนโดฯ เป็นภาพของเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 66 ที่ตนนำลูกสาวไปส่งให้อดีตสามี ก็พบกว่า นอกจากอดีตสามีแล้ว มีปู่และย่าของลูกสาว กำลังพาลูกของตนไปด้วย พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าหลายใบ ที่ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลจากด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์พบว่า อดีตสามี ปู่ และย่า นั้นมีการเดินทางออกไปทางช่องทางนี้ แต่ไม่มีภาพของลูกสาวออกไปด้วย 

 

 

            ทั้งนี้หลังจากที่ลูกสาวหายตัวไปได้ 2 วัน ตนก็ได้ตัดสินใจบินไปที่ประเทศมาเลเซีย ไปบ้านของอดีตสามี แต่ก็ไม่เจอใครในบ้านเลย บ้านปิดเงียบส่วนในด้านของเพื่อนบ้านนั้น ครอบครัวอดีตสามีเขาก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเพื่อนบ้านอยู่แล้ว ขณะเดียวกันสิ่งที่ตนติดใจคือ เอกสารสำคัญต่าง ๆ ของลูกก็ยังอยู่กับตนทั้งพาสปอร์ต ใบเกิด ฯลฯ แล้วเขาพาลูกของตนไปที่ไหนได้ ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นปริศนาว่าลูกของตนอยู่ที่ไหน ฝั่งอดีตสามี ญาติอดีตสามี เพื่อน ๆ ของเขาก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย นอกจากนี้ตนยังได้รับข้อมูลว่าวันที่ 21 เม.ย. 66 อดีตสามีได้ไปแจ้งความว่า พาสปอร์ตกับบัตรประชาชนของลูกสาวหาย ตนคิดว่าเขาน่าจะต้องการเอกสารเพื่อไปทำพาสปอร์ตและบัตรประชาชนใหม่ ทว่าตอนนี้เลขพาสปอร์ตในระบบยังเป็นเลขเดิมอยู่แสดงว่าเขายังไม่ได้ทำใหม่ 

 

            ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตนอยากคุยกับฝั่งคุณแม่เด็กโดยตรงเพื่อทราบรายละเอียดทั้งหมดของคดี แล้วนำไปตรวจสอบดำเนินการตามหาตัวลูกสาวเผื่อว่าจะยังอยู่ฝั่งไทย จึงอยากให้คุณแม่เข้ามาพบตนที่สโมสรตำรวจ วันที่ 26 ก.ค. 66 ทั้งนี้โดยส่วนตัวตนสนิทสนมกับผู้บัญชาการตำรวจของมาเลเซียอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องการประสานงานเลย 

 

 

            ฟาก นิติธร แก้วโต ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้มันเป็นการกระทำที่กระทบกระเทือนสิทธิ์ของอีกฝั่งหนึ่ง ทว่าการตกลงแบ่งสิทธิ์การเลี้ยงดูก็ไม่ได้จดไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งทั้งคู่ก็ยังมีอำนาจปกครองร่วมกัน ดังนั้นฝั่งคุณแม่จะไปแจ้งความข้อหาพรากผู้เยาว์ก็ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นลูกของอดีตสามีเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามอดีตสามีก็มีความผิดเพราะเป็นการเอาเด็กออกนอกราชอาณาจักร เพราะเอกสารประจำตัวลูกยังอยู่ที่คุณแม่อยู่ รวมทั้งผิดกฎหมายทางฝั่งมาเลเซีย เพราะเป็นการนำเด็กเข้าเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย 

 

            ทั้งนี้ ส่วนตัวตนคิดว่าต้องมองหลายมุม บางทีฝั่งอดีตสามีอาจจะเดินทางข้ามไปมาเลเซียเพื่อเป็นหลักฐาน โดยที่เด็กอยู่ประเทศไทย และกลับมาประเทศไทยโดยช่องทางธรรมชาติ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อกลับมาอยู่กับเด็ก สำหรับเรื่องที่อดีตสามีไปแจ้งความเพื่ออยากทำพาสปอร์ตกับบัตรประชาชนของลูกสาวใหม่นั้น จริง ๆ แล้วมันสามารถทำได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามในกรณีที่อยากนำลูกออกนอกประเทศยังไงก็ต้องได้รับลายเซ็นยินยอมจากอีกฝั่งที่หย่าร้างกันไปแล้ว