เช้านี้ที่หมอชิต - นอกจาก สส. แล้ว ยังมี สว. อีกหลายคน ที่ลุกขึ้นอภิปรายว่า รับไม่ได้กับการแก้ไขมาตรา 112 และมีการไปยุยงปลุกปั่นม็อบ จึงมองว่า นายพิธา ยังไม่เหมาะสมเป็นนายกฯ
คำนูณ รับไม่ได้ ก้าวไกล เสนอแก้ ม.112
นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายช่วงหนึ่งว่า รับไม่ได้กับแนวทางของ พรรคก้าวไกล โดยเฉพาะการลดโทษอย่างมีเงื่อนไขต่อบุคคลที่ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงนิรโทษกรรมจำเลยและผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ทั้งหมด ส่วนตัวไม่อาจยอมรับได้กับการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล
สมชาย ซัด ก้าวไกล หยุดเลิกอ้าง 14 ล้านเสียง
นายสมชาย แสวงการ สว. อภิปรายตอนหนึ่งยืนยันว่า ตลอด 4 ปี ที่ทำหน้าที่ สว. ทั้ง 250 คน พิจารณาเรื่องต่าง ๆ อย่างครบถ้วน ไม่มีอคติ ไม่มีอามิสสินจ้างใด ๆ พิจารณาเลือกนายกฯจากความซื่อสัตย์สุจริต มีความรอบรู้ มีวิสัยทัศน์ แต่สิ่งสำคัญคือความมั่นคงของชาติ ต้องเลิกอ้างเสียงข้างมาก 14 ล้านเสียง แล้วบังคับคนทั้งประเทศว่าต้องเห็นด้วย แบบนั้นผิดหลักประชาธิปไตยแต่เป็นเผด็จการ ในฐานะสมาชิกรัฐสภา พิจารณาแล้วเห็นว่า นายพิธา ยังไม่เหมาะสมเป็นนายกฯ
เสรี อัด พิธา ยุยงปลุกปั่นม็อบ
ขณะที่ นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. อภิปรายว่า พรรคก้าวไกล ได้คะแนนจากประชาชนแค่ 14 ล้านเสียง อย่าสำคัญว่าตัวเองได้ 30 ล้านเสียง เสียงที่เหลือเป็นของพรรคอื่นที่ประชาชนลงคะแนนให้
ตนยืนยันในหลักการตลอดว่า คนที่จะมาเป็นผู้นำประเทศ ต้องมีพฤติกรรมแสดงออกชัดเจนในการจะไม่ทำการใด ๆ ที่จะดูหมิ่น ไม่ปกป้องเชิดชูสถาบัน
และยังมีคลิปต่าง ๆ ที่ออกไปปลุกปั่นยุยงขึ้นเวทีให้ม็อบต่าง ๆ บอกจะปฏิรูปสถาบัน และยังใช้ตำแหน่งไปประกันตัว แต่ตอนนี้หากอยากเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วลุกขึ้นมาพูดว่าจะไม่แก้ไขมาตรา 112 แล้ว ตนก็ไม่เชื่อแล้ว
นายเสรี ยังพูดอีกว่า เมื่อ นายพิธา ไปลงพื้นที่ ก็มีคนเรียกว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ก็เป็นความต้องการของประชาชน แต่ไม่อยากเห็นภาพที่ประชาชนก้มกราบ ซึ่งไม่สมควรที่จะทำให้เกิดภาพเหล่านี้ขึ้น
พิธา โต้ไม่ได้ปลุกม็อบ แจงเหตุคนกราบเท้า
ขณะที่นายพิธา ลุกขึ้นชี้แจงกรณีที่ นายเสรี อภิปรายว่า เวลาตนลงพื้นที่แล้วมีประชาชนมากราบเท้าไม่เหมาะสมนั้น ตนก็คิดว่าไม่เหมาะสม และตนพยายามที่จะกราบเท้าประชาชนกลับ เพราะคิดว่าเป็นประชาชนเท่ากัน ซึ่งได้รับคำอธิบายว่าเป็นการบนให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเห็นด้วยว่าไม่ควรจะให้ใครมากราบเท้าใครทั้งสิ้น
ส่วนที่ นายเสรี พูดเกี่ยวกับการยุยง และสนับสนุนเด็ก คิดว่าเยาวชนสมัยนี้ยุยงปลุกปั่นไม่ได้ เขามีความคิดเป็นของตัวเอง ถ้าสมมุติว่ายุยงปลุกปั่นได้ คิดว่าค่านิยม 12 ประการ ที่เคยมีมาก็คงจะทำให้เขารู้สึกแบบนั้นได้ จึงขอยืนยันว่าไม่มีการไปยุยงปลุกปั่นใด ๆ
ส่วนที่บอกว่า สนับสนุน เอาตำแหน่ง สส. ไปประกันตัวเยาวชน ก็ต้องบอกว่าเป็นสิทธิในการประกันตัว สิทธิในการเข้าถึงทนาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในระบบยุติธรรม เรามีหน้าที่ที่จะทำให้เกิดเสรีภาพในการแสดงออกและเข้าถึงทนาย
ชัยธวัช ชี้ ถ้านายกฯ ไม่ใช่ พิธา จะเลือกตั้งทำไม
ขณะที่ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เมื่อ พรรคก้าวไกล เสนอชื่อ นายพิธา เป็นแคนดิเดตนายกฯ และรวบรวมเสียงข้างมากจากทั้ง 8 พรรค นายพิธา จึงควรได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามครรลองปกติของระบอบประชาธิปไตย
หากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไม่เป็นไปตามผลเลือกตั้ง เราจะมีการเลือกตั้งไปทำไม และยังมีการกล่าวว่า การเลือก นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นการล้มล้างสถาบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะสถาบันต้องอยู่เหนือการเมือง
พิธา พร้อมเป็นฉันทามติใหม่คืนความปกติให้ไทย
ช่วงท้าย นายพิธา อภิปรายสรุปก่อนลงมติว่า หลายพวกต้องการสกัดกั้นไม่ให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเขากำลังจะเสียผลประโยชน์ ตนอยากเสนอตัวเองเป็นฉันทามติใหม่สำหรับความปกติใหม่ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ สิ่งที่กำลังจะร่วมทำวันนี้ไม่ใช่ลงมติเลือก นายพิธา หรือ เลือกพรรคก้าวไกล แต่คือการเลือกยืนยันหลักการประชาธิปไตยในระบบกลไกหลักในการตัดสินใจร่วมของสังคม
นายพิธา กล่าวว่า ขอให้การตัดสินใจของท่านสะท้อนความหวังของประชาชน และความหวังของตัวท่านเอง อย่าให้สะท้อนในความกลัว จากนั้นจึงให้สมาชิกรัฐสภาลงมติ
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35