พบแล้ว ! สาเหตุ สะพานถล่ม ย่านลาดกระบัง คาด 7 วัน คลี่ปมสำเร็จ

เช้านี้ที่หมอชิต - ความคืบหน้าเหตุโครงการก่อสร้างทางยกระดับ ย่านลาดกระบัง พังถล่ม ล่าสุดวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้ข้อมูลบางอย่างที่อาจเป็นสาเหตุหลักของการถล่มแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ คาดภายใน 7 วัน จะสามารถคลี่คลายปมปัญหาได้

 

เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (12 ก.ค.) รองศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ วัชรินทร์ กาสลัก นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมสะพาน ร่วมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง และพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลจรเข้น้อย ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานอีกครั้ง

 

โดย นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุของการถล่ม โดยสิ่งที่ทำคือเก็บข้อมูลจากภาคสนามเพิ่มเติมโดยละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเศษวัสดุ ปูน เสา ความเสียหายของโครงสร้างสะพาน รวมถึงเครื่องจักรในการทำงาน พร้อมกล่าวว่า โชคดีอย่างมากที่มีคลิปภาพจากกล้องมือถือประชาชน รวมถึงกล้องหน้ารถ เพื่อนำมาช่วยให้สามารถวินิจฉัยและประเมินการทำงานได้ง่ายขึ้น และขณะนี้สิ่งที่ต้องการ คือ รายละเอียดเรื่องแบบก่อสร้าง บันทึกรายงานประจำวันของการก่อสร้าง เช่น การดึงลวดเหล็กด้วยแรงเท่าไหร่ หรือ รายละเอียดของคอนกรีต จากนั้นจะนำรายละเอียดต่าง ๆ มาวิเคราะห์และประชุมกัน ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 7 วัน ทุกอย่างจะเรียบร้อย

 

ส่วนจากการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมด พบข้อสงสัยที่อาจเป็นสาเหตุทำให้สะพานข้ามแยกถล่ม 2-3 ข้อ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นคดีอาญา มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิต ข้อสงสัยที่ตรวจพบ จึงต้องเข้าไปอยู่ในสำนวนคดี พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้เปิดเผย

 

ส่วนเรื่องการขนย้ายซากวัสดุ ทางผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้เพิ่มเครื่องจักรหนัก ขนาด 160 ตัน มาอีก 1 เครื่อง เพื่อช่วยเรื่องการยก การรื้อย้าย โดยได้ย้ายลอนเชอร์ ออกจากพื้นที่ไปแล้ว จำนวน 7 ชุด จากทั้งหมด 14 ชุด เหลืออีก 7 ชุดยังอยู่ระหว่างประเมินความปลอดภัย เนื่องจากแผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่ที่พังถล่มยังมีบางส่วนที่เชื่อมต่อกับตัวลอนเชอร์อยู่ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ส่วนด้านจราจร ตำรวจได้มาอำนวยความสะดวก ซึ่งในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ยังไม่พบปัญหาการจราจร ส่วนโรงเรียน 1 แห่ง ที่ต้องปิดการเรียนการสอนไป จะกลับมาเปิดเรียนตามปกติอีกครั้งในวันจันทร์นี้