ก้าวไกล-เพื่อไทย มั่นใจ ! ได้เสียง สว.หนุน พิธา เพียงพอ

ด้าน คุณชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีการโหวตนายกฯ ที่ สว. มีท่าทีค่อนข้างชัดเจนที่จะไม่สนับสนุน คุณพิธา ว่า ยังเป็นความเห็นของ สว. เพียงบางท่าน เพราะ สว. ส่วนใหญ่ยังไม่ได้แสดงออกอะไร และคิดว่าคงแสดงออกในวันโหวต ทั้งนี้ อย่าเพิ่งประเมินสถานการณ์จากสิ่งที่เห็น สิ่งที่เป็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เห็นก็ได้

 

ชัยธวัช มั่นใจได้เสียง สว. หนุน พิธา เพียงพอ

เมื่อถามว่ายังเชื่อมั่นเสียง สว. ที่ไปคุยมาใช่หรือไม่ คุณชัยธวัช บอกว่า ยังมั่นใจว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี และมั่นใจในวิจารณญาณของ สว. ส่วนใหญ่ที่อยากเห็นประเทศชาติเดินหน้า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนแสดงออกว่าต้องการความปกติให้กับประชาธิปไตยของไทย ดังนั้น ยังเชื่อมั่น สว. จำนวนมาก ที่จะให้โอกาสนี้กับประเทศไทย

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เสียงที่เหลือจะต้องมาจาก สว. เท่านั้นหรือ และได้มีการพูดคุยกับ สส. พรรคอื่นหรือไม่ คุณชัยธวัช ตอบว่า ในส่วนของ สส. คงเป็นสิทธิ์ของแต่ละคนในพรรคที่ไม่ได้ชวนมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน แต่เชื่อว่าจะมี สส. หลายคนใช้จุดยืนของตัวเอง เพื่อที่จะใช้สถานะความเป็นผู้แทนราษฎร ปกป้องรักษาระบบไว้ให้ได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ

 

ประเสริฐ เชื่อ ก้าวไกล ปรับกลยุทธ์ให้ สว. โหวต พิธา

ขณะที่ คุณประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย บอกว่า การโหวตเลือกนายกฯ วันที่ 13 กรกฎาคมนี้ เท่าที่ฟังมา มีเพียง สว. บางส่วนที่แสดงความคิดเห็น ซึ่งเข้าใจว่า สว. ส่วนมากยังสงวนท่าที และคิดว่าการตัดสินใจของ สว. น่าจะตรงกับความต้องการของประชาชน ส่วนข้ออ้างเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ที่ สว. ยกมาเป็นเหตุผลนั้น ก็คงเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคหลัก จะต้องคิดในเรื่องนี้ ขณะที่พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลหลายพรรคก็เคยพูดคุยเรื่องนี้กันมาก่อน จนมีความชัดเจนระหว่าง 7 พรรคกับพรรคก้าวไกล ขณะที่การโหวตนายกฯ เป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกล ต้องไปปรับกลยุทธ์ เพื่อเป็นประโยชน์ในการโหวตนายกฯ เอง

 

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทย ได้มีการเดินสายเพื่อเจรจากับ สว. ในการโหวตนายกฯ ด้วยหรือไม่ คุณประเสริฐ บอกว่า พรรคเพื่อไทยช่วยเป็นบางส่วน การพูดคุยหลักเป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกล และแกนนำทั้ง 8 พรรค หากใครรู้จัก สว. ท่านใด ก็พยายามไปทำความเข้าใจอยู่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ได้ช่วยพูดคุยกับ สว. เป็นจำนวนมากอยู่ ในช่วง 2-3 วันนี้ก็ต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพราะใกล้ถึงวันโหวตเลือกนายกฯ แล้ว

 

ส่วนความเป็นไปได้เรื่องการเสนอชื่อบุคคลอื่น หากโหวตไป 2-3 ครั้งแล้ว คุณพิธา ยังไม่ผ่าน หรือจะเสนอชื่อ คุณพิธา ไปเรื่อย ๆ คุณประเสริฐ บอกว่า ก็เป็นเรื่องที่ 8 พรรคต้องมาคุยกันเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ ตนคิดว่าเป็นเรื่องจำเป็น ไหน ๆ เราเดินทางไปด้วยกันแล้ว จะโหวตกี่ครั้ง 2-3 ครั้ง ก็ต้องคุยกันก่อน และยังไม่เห็นว่าถึงขั้นต้องมีรัฐบาลแห่งชาติ

 

สว.วันชัย ย้ำไม่เปลี่ยนแปลง แม้รู้ผลโหวตนายกฯ จะออกมาเช่นไร

คุณวันชัย สอนศิริ หรือ สว. วันชัย เป็นคนหนึ่งที่ประกาศก่อนเลือกตั้งว่าจะโหวตนายกฯ ให้ฝ่ายที่รวมเสียง สส. ได้เกินกึ่งหนึ่ง และล่าสุดก็โพสต์ในเฟซบุ๊ก ยืนยันว่า สว.วันชัย ไม่เปลี่ยนแปลง โดยข้อความบางส่วนระบุว่า แม้ผมจะรู้ว่าผลโหวตของนายพิธาในวันที่ 13 ก.ค.66 จะออกมาเช่นไร จะก้าวไกลหรือไปไม่ถึง ผมพอจะรู้นะ แต่ผมเคยประกาศไว้ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้งว่าใครรวมเสียง สส. ได้เกินกว่ากึ่งหนึ่ง ผมจะเลือกพรรคนั้น คนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี แม้แต่ขณะนี้ หรือในวันที่ 13 ก.ค.66 ก็ไม่เปลี่ยนแปลง จะเป็นคุณพิธาหรือใคร ผมก็โหวตให้ในหลักการเดิม อันเป็นไปตามหลักประชาธิปไตยและความต้องการของประชาชน ทั้งเพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ และถือหลักว่า คนโกหกแล้ว ไม่ทำชั่วไม่มี พูดแล้วคำไหนคำนั้น ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นคนตระบัดสัตย์ทั้งต่อตัวเองและคนอื่น จึงไม่ต้องมาถามกันอีกว่า สว.วันชัย จะโหวตให้คุณพิธาหรือไม่ ทั้งนี้ถ้าคุณพิธามากราบหลวงพ่อสัมฤทธิ์ประสิทธิโชค วัดไก่เตี้ย ก่อนวันโหวต จะเป็นมงคลกับชีวิต จะพิธาหรือนิพพิธา ก็คราวนี้

 

เรืองไกร ร้อง กกต. สอบ พิธา เขียน-ร่วมเขียนหนังสือ 4 เล่ม

ใกล้วันโหวตเลือกนายกฯ ทางพรรคก้าวไกล ต้องแสวงหาเสียง สว. มาโหวตให้คุณพิธา แต่ว่าอีกด้านหนึ่ง ก็ต้องเผชิญกับเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามา ล่าสุด คุณพิธา ก็ถูกร้องเรียนอีกเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้เปิดเผยโดยคุณเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ระบุว่า ได้ส่งคำร้องทางไปรษณีย์ไปยัง กกต. ขอให้ตรวจสอบว่า การที่คุณพิธา ถือสิทธิและรายได้จากการขายหนังสือ 4 เล่มคือ หนังสือวิถีก้าวไกล, ความรัก คือการตกหลุมรักหลาย ๆ ครั้ง, ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน, ด้วยรักจากอนาคต นั้น เข้าข่ายเป็นเจ้าของในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) หรือไม่ และเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) หรือไม่

 

ซึ่งกรณีนี้ คุณเรืองไกร บอกว่า ดูจากที่ ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินฯ และพบว่า คุณพิธา แจ้งในรายการสิทธิและสัมปทานในหนังสือ 4 เล่มดังกล่าว และมีรายได้จากการขายหนังสือ จำนวน 431,712 บาท โดยหมายเหตุว่ารายได้ระหว่างดำรงตำแหน่งเฉลี่ย 107,928 บาทต่อปี จึงเห็นว่าการที่คุณพิธา แจ้ง ป.ป.ช. ว่า มีรายได้จากการขายหนังสือ และหนังสือ 4 เล่ม มีคุณพิธา เป็นผู้เขียนด้วยตัวเอง หรือร่วมกับผู้เขียนอื่นนั้น จะทำให้คุณพิธา เข้าข่ายเป็น เจ้าของ ในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ หรือไม่ จึงขอให้ กกต. ตรวจสอบ และส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ สส. สุดลงหรือไม่

 

หงา ซัด พิธา ตรรกะงี่เง่า ทวีตชวน เทเลอร์ สวิฟต์ เล่นคอนเสิร์ตในไทย

ส่วนเรื่องนี้ ไม่ใช่การร้องเรียน แต่เป็นดรามา ที่ตามมาจากกรณีคุณพิธา ทวีตข้อความพร้อมแท็กหา เทย์เลอร์ สวิฟต์ ศิลปินนักร้องชื่อดัง ให้มาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย เพราะตอนนี้ประเทศไทยกำลังกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเต็มตัวแล้ว ก็ถูก น้าหงา สุรชัย จันทิมาธร ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เกิดอะไรขึ้น? ผมก็ดูโคลด์เพลย์ จอห์น เมเย่อร์ กันส์แอนโรส หรืออะไรมากมายหลายวงในยุคเผด็จการที่คุณว่านะครับ เทเล่อร์ สวิฟต์ เธอรังเกียจเผด็จการดังที่คุณกล่าวว่าจริง ๆ หรือ จึงไม่อยากมาเมืองไทย หรือว่าเป็นเรื่องธุรกิจการจัดการของสายทัวร์ ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ศิลปินขึ้นอยู่กับผู้จัดการ (ยกเว้นกรณีวงเล็กๆ อย่างผม) ลบเถอะครับทวิตนี้ คุณพิธา มันดูเป็นตรรกะที่ทำให้ดูงี่เง่านะครับ

 

นอกจากนี้ น้าหงา สุรชัย จันทิมาธร ยังได้โพสต์ข้อความว่า ผมไม่สนใจเผด็จการ ขอให้เพียงชาวบ้านนั้นอยู่ได้ ผมไม่สนใจ ประชาธิปไตย ขอเพียงให้แต่คนนั้นพ้นทุกข์