logo ถกไม่เถียง

ผู้เฒ่าการเมือง สำแดงเดช รุกไล่ส้มสุดกระดาน ใครจะเป็น นายกฯ คนต่อไป ?

ถกไม่เถียง : หลังการโหวตตำแหน่งประธานรัฐสภา และกำหนดวันเลือกนายกฯ 13 กรกฎาคมนี้ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปหรือไม่ หรืออา

13,336 ครั้ง
|
05 ก.ค. 2566
หลังการโหวตตำแหน่งประธานรัฐสภา และกำหนดวันเลือกนายกฯ 13 กรกฎาคมนี้ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปหรือไม่ หรืออาจมีเหตุการณ์พลิกผัน ที่จะทำให้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ไม่ใช่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
 
วันที่ 5 ก.ค. 66 คุณจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า คุณพิธา ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากเสียงของพรรคร่วม 312 เสียง รวมกับเสียงของ สว. อาจไม่เพียงพอถึง 376 เสียง ไม่ว่าจะโหวตกี่ครั้งก็ตาม หรือไม่ว่าจะให้คุณเศรษฐา คุณแพรทองธาร มาให้โหวตเป็นนายกฯ ก็ไม่สามารถผ่าน 376 เสียงได้
 
ดังนั้นจึงนำไปสู่การสลายขั้วการเมือง โดยเหตุการณ์จะเริ่มตั้งแต่ความขัดแย้งในตำแหน่งของประธานสภาฯ หลังจากโหวตนายกฯ ไม่ผ่าน อาจจะมีการเสียสัตย์เพื่อชาติ ให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ คาดว่าผู้ที่จะได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปคือ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
 
ถกไม่เถียง : ผู้เฒ่าการเมือง สำแดงเดช รุกไล่ส้มส
 
รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์ว่า มีโอกาส 50-50 ที่คุณพิธา จะได้เป็นนายกฯ เนื่องจากมีความชอบธรรมจากประชาชน แต่จะต้องฝ่าด่านอีกหลายด่าน ทั้งการร้องเรียนเรื่องต่าง ๆ เกมการเมืองในสภา เสียงโหวตของ สว. ที่ต้องการถึง 64 เสียง แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่ เสียงข้างมากของประชาชนมีอำนาจไม่เท่าเสียงข้างน้อยของ สว. จึงทำให้คุณพิธาอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ 
 
ในภาวะการเมืองไม่ปกติ อาจเกิดการจัดตั้งรัฐบาลที่ข้ามขั้วแบบม้วนเดียวจบ โดยมีคู่แข่งการโหวตนายกฯ แข่งกับคุณพิธา โดยใช้เสียง สว. เข้ามาช่วยกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วไปแก้ปัญหาในภายหลัง ทำให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป คุณจตุพรเสริมว่า การดีลกันเป็นเรื่องปกติของการเมือง ส่วนสิ่งแปลกใหม่อย่างพรรคก้าวไกลจะถูกผลักให้กลายเป็นฝ่ายค้าน จุดจบของเรื่องนี้คือก้าวไกลกับเพื่อไทยจะต้องแยกกัน แล้วฝ่ายรัฐบาลเดิมก็จะได้รับความชอบธรรมจากการข้ามขั้วรัฐบาล 
 
ถกไม่เถียง : ผู้เฒ่าการเมือง สำแดงเดช รุกไล่ส้มส
 
การโหวตรองประธานสภาฯ ที่มีการงดออกเสียงมากถึง 77 เสียง อาจารย์ยุทธพร วิเคราะห์ว่าอาจเป็นการส่งสัญญาณ ความไม่มีเอกภาพในขั้วอำนาจเดิม และสามารถขยับเพื่อสลับขั้วกับเพื่อไทยได้ เนื่องจากรัฐบาลก้าวไกลมีเพียง 2 พรรคใหญ่ ถ้าหากเพื่อไทยถอดปลั๊กทุกอย่างก็จบ ด้านคุณจตุพรชี้ว่า การงดออกเสียงไม่มีผลอะไรหรือไม่มีการส่งสัญญาณใด และไม่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากก็จะไม่ได้เสียงโหวตจาก สว. เช่นกัน
 
สมการที่เป็นไปได้ที่สุด คุณจตุพร ยืนยันว่าการสลับขั้วของเพื่อไทยมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากที่สุด แต่อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายพอใจมากที่สุด และต้องมีวิธีรับมือกับความผิดหวังของประชาชนที่รู้สึกว่าถูกหักหลัง ส่วนเรื่องการโหวตนายกฯ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณพิธาจะได้เป็นนายกฯ ทั้งสองคนมองว่าเป็นไปได้ยาก และอาจทำให้ประเทศพังได้ 
 
ดังนั้นจึงต้องควรพูดคุยกัน ฟังเจตจำนงของประชาชน รับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย หาทางออกที่ดีที่สุดให้แก่ประเทศไทย เพราะถ้าทุกคนยังเห็นผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก จะทำให้ทุกอย่างไปถึงทางตัน 
 
ติดตาม  รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง"  ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 
 
 
ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/56lNbAl2RYg