พลทหาร ฝึกจนตาบอดในค่าย ตรวจพบเป็นโรคตาขี้เกียจ : ช็อตเด็ด ถกไม่เถียง

แม่ทหารใหม่ ใจสลายร่ำไห้ หลังลูกชายถูกฝึกหนักทำโทษจนตาบอด แขนขาอ่อนแรงเดินไม่ได้ ด้านกองทัพอากาศโต้ ไม่มีการฝึกหนักจนตาบอด ตรวจพบเจ้าตัวเป็นโรคตาขี้เกียจ และพร้อมดูแลรักษาอย่างเต็มที่

 

วันที่ 4 ก.ค. 66 พลทหาร เอ (นามสมมติ) ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ตนสมัครเข้าไปเป็นทหารเกณฑ์ ในระหว่างเข้าประจำการวันที่ 15 พ.ค. 66 ถูกครูฝึกทำโทษตั้งแต่ 19.00 น. ถึง 04.00 น. เช้าวันต่อมาต้องฝึกต่อกับเพื่อนจนถึง 10.00 น.เริ่มรู้สึกแสบตา ปวดตา มองเห็นแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ 

 

 

วันต่อมาก็ฝึกต่อตามปกติ แต่ผ่านไปครึ่งวันเหงื่อเข้าตา ทำให้เริ่มมองไม่เห็น ลืมตาไม่ขึ้น ครูฝึกจึงได้โทรหาแม่ คุณพัชรี  ดีเจริญ (พัช) แม่ผู้บาดเจ็บ เล่าว่าตอนที่ครูฝึกโทรมา คิดว่าลูกอาจจะอยากกลับบ้าน จนเมื่อแม่ไปพบลูกเห็นสภาพของลูกตาปิดมองไม่เห็น แขนขาอ่อนแรงรู้สึกใจสลายมาก จึงติดต่อกับมูลนิธิสันติภาพ คุณสุรชาติ ผิวแดง (ชาติ) ผู้ประสานงานมูลนิธิสันติภาพ เล่าต่อว่าทางมูลนิธิส่งตนไปดูอาการพลทหารเอ พบว่าเดินไม่ได้ ตาปิดมองไม่เห็น ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จึงอยากหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์นี้

 

 

พญ. ชญานี เพ็ญเพียร (ฝน) จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคตาทั่วไป ต้อกระจก ต้อหิน ให้คำแนะนำเกี่ยวกับโรคตาขี้เกียจว่า สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากภาวะตาเข โรคตาขี้เกียจจะไม่ทำให้มองไม่เห็นฉับพลัน แต่จะมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย แต่จะสามารถกลับมามองเห็นได้ตามปกติ แต่จะต้องตรวจสอบสาเหตุอื่น ๆ ด้วย เช่น การกระแทกจนเลือดออกในตา เนื้องอกในสมอง เป็นต้น

 

 

คุณเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร  รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่าได้รับคำร้องทุกข์ไว้เรียบร้อย ถ้าหากเข้าข่ายว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐทรมานจนได้รับอันตรายอย่างร้ายแรง ทางกระทรวงยุติธรรมก็จะดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป 

 

 

ด้านกองทัพอากาศแถลงว่าพลทหาร เอ ไม่ได้รับการฝึกตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 66 เนื่องจากปวดตา และได้รับการตรวจรักษา พบว่าเป็นโรคตาขี้เกียจ ซึ่งพลทหาร เอ แจ้งว่ามีอาการแสบตา ลืมตาไม่ค่อยขึ้นมาตั้งแต่เด็ก และตรวจพบเนื้องอกในสมอง ในระหว่างที่ป่วยทางกองทัพอากาศก็ได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือดูแลค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/kF_hJ96Lc3Y