“พิธา” เชื่อกรณีโหวตตำแหน่งรองประธานรัฐสภาฯ คนที่ 1 เป็นการสะท้อนความเป็นเอกภาพของ 8 พรรคร่วม ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ในการจัดตั้งรัฐบาล
เชื่อผลโหวต 312 เสียง สะท้อนเอกภาพพรรคร่วม
มาต่อกันที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังมีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาฯ ทั้ง 2 คน หลังตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา หลายคนเฝ้าจับตามองกันว่า ช่วงการโหวตจะมีเสียงแตกหรือไม่
โดยนายพิธา แถลงด้วยสีหน้ามั่นใจว่า การโหวตที่เกิดขึ้น เป็นการยืนยันถึงเอกภาพของทั้ง 8 พรรค ที่สามารถรวบรวมเสียงไม่ให้แตกแถวได้ และมีตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถือเป็นทิศทางที่ดี ในการจัดตั้งรัฐบาล และแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ในการผลักดันข้อตกลง ระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เพื่อเดินหน้าเห็นชอบกฎหมายต่าง ๆ เช่น เรื่องนิรโทษกรรม และการปฏิรูปกองทัพ
ซึ่งการลงมติครั้งแรก ในการเลือกรองประธานรัฐสภาฯ คนที่ 1 ได้เสียงมติ 312 เสียง และอนุมานได้ว่า อาจได้มากกว่านั้น เพราะ พล.ต.ท. วิโรจน์ เปาอินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ไปทำหน้าที่ประธานสภาฯ ชั่วคราว ทำให้ไม่ได้ออกเสียง และพรรคก้าวไกลมี สส.ที่หยุดปฏิบัติหน้าที่หายไป 1 เสียง รวมถึงมีสมาชิกพรรคร่วมอีก 1 คน ที่ไม่ได้มาออกเสียง หรือกรณีบัตรเสียอีก 2 ใบ ตรงนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องที่ดิน และหุ้นที่ถูกร้อง จะส่งผลให้ สว.เปลี่ยนใจไม่โหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องที่ดินปราณบุรี ได้แจ้ง ป.ป.ช.ทั้ง 2 ครั้งแล้ว หากเข้ารับตำแหน่ง ก็ต้องแจ้งครั้งที่ 3 และส่วนตัวมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา
“พิธา” ระบุยอมถอย เพื่อรักษาเอกภาพพรรคร่วม
ขณะที่ก่อนหน้าจะแถลงข่าว นายพิธา ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กบางช่วงว่า มีหลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมพรรคก้าวไกล ถึงยอมถอยเรื่องตำแหน่งประธานรัฐสภาฯ ทั้งที่ประกาศวาระที่ต้องการผลักดัน ตรงนี้ขอยืนยันว่า การตัดสินใจของเรา ตัดสินใจภายใต้การรักษาเอกภาพการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล พวกเราถอยจากเงื่อนไขเดิมที่ตั้งไว้ ภายใต้เงื่อนไขการบริหารงานสภาฯ ภายใต้นโยบายที่พรรคแถลงไปแล้ว
ซึ่งก่อนที่เราจะตัดสินใจ ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทาว่า “สภาก้าวหน้า”, “สภาโปร่งใส”, “สภาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” จะเป็นนโยบายหลัก ภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ของ “อาจารย์วันนอร์”
นอกจากนี้ “อาจารย์วันนอร์” ยังให้คำมั่นว่า กฎหมายสำคัญของพรรค เช่น สุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม กฎหมายเพื่อกลุ่มพี่น้องแรงงาน และกฎหมายเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์ จะไม่ถูกขัดขวาง หรือถ่วงให้ช้า ซึ่งจากที่ตนเองเคยร่วมงานกันมา กล้าพูดได้เลยว่า “อาจารย์วันนอร์” เป็นหนึ่งคนที่สามารถไหว้ได้อย่างสนิทใจ
สุดท้ายไม่ว่าฉากทัศน์จะเป็นอย่างไร ตนเองพร้อมเผชิญทุกสถานการณ์ การตัดสินใจครั้งนี้ของพวกเราไม่ใช่เอาประโยชน์ของตนเอง หรือพรรคก้าวไกลเป็นตัวตั้ง แต่เป็นภารกิจเพื่ออนาคตการฟื้นฟูประชาธิปไตยของประเทศ
ชี้โหวตนายกฯ คาดเดา สว.ยาก
ขณะที่ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ขอบคุณ สส.ทั้ง 497 คน ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ในการเลือกประธานสภาฯ ส่วนตำแหน่งรองประธานสภาฯ แม้จะมีการแข่งขันกันบ้าง ถือเป็นสีสัน เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เป็นวิธีการในการเข้าสู่ตำแหน่ง แนวทางเช่นนี้สะท้อนว่า โอกาสที่จะเสนอนายกรัฐมนตรีของ 8 พรรคร่วมเป็นนายพิธา อาจจะมองแตกต่างกันได้นิดหน่อย เพราะ 8 พรรคร่วม เป็นส่วนหนึ่งของการโหวตเท่านั้น และการโหวตเลือกนายกฯ เป็นการโหวตการประชุมร่วมรัฐสภา อาจจะไม่เหมือนการเลือกประธานสภาฯ เพราะมี สว.250 คน มาร่วมโหวตด้วย ฉะนั้นคาดการณ์อะไรไม่ได้ในส่วนของ สว. แต่ในส่วนของ 8 พรรคร่วมนั้น ต้องเหมือนเดิม ยืนหยัดที่จะสนับสนุนนายพิธา
หลังได้ผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ขั้นตอนต่อไปประธานสภาฯ ในฐานะประธานรัฐสภา ต้องทำหน้าที่สำคัญ คือการกำหนดวาระการประชุม ตามขั้นตอนเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งมี สว. มาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีด้วย ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 272 ที่กำหนดว่า ในระยะห้าปีแรกของรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญ สว. มีอำนาจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับ สส. โดยผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องได้รับเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งของรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วย สส. 500 คน และ สว. 250 คน รวม 750 คน หรือคิดเป็น 376 เสียงขึ้นไป
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35