ผอ.สถาบันคชบาลแห่งชาติระบุสัญญาณดี “พลายศักดิ์สุรินทร์” นอนหลับกินอิ่ม แสดงถึงการปรับตัวที่ดี ขณะที่ผลตรวจพบมีอาการตาขวาเป็นต้อกระจก เป็นฝีที่สะโพก ส่วนประเด็นดรามาเรื่องการส่งตัวกลับหลังรักษาหายนั้น เรื่องนี้คุณกัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเผยว่า เราคงต้องรักษาเขาอยู่ที่แผ่นดินไทยอาจชั่วชีวิตเขา
ดรามา “พลายศักดิ์สุรินทร์” รักษาเสร็จต้องส่งกลับศรีลังกา
เข้าสู่วันที่ 2 หลังจาก พลายศักดิ์สุรินทร์ เข้าสู่กระบวนการกักโรคที่ศูนย์กักและเฝ้าระวังโรคช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำป้ายห้ามเข้าและตั้งแผงเหล็กกั้นปากทางเข้าพื้นที่กักโรค โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปก่อนได้รับอนุญาต เพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ และไม่รบกวนพลายศักดิ์สุรินทร์ที่ต้องกักโรค และปรับตัวกับควาญ ฝึกเรียนรู้คำสั่งภาษาไทย และฝึกการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมใหม่
ด้านนายสุรัตน์ชัย อินทร์วิเศษ ผอ.สถาบันคชบาลแห่งชาติ เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ พลายศักดิ์สุรินทร์ กินอาหาร ขับถ่ายได้ตามปกติ และพบว่านอนหลับ 2 ช่วงในเวลา 01.30-03.00 น. และเวลา 04.00-05.00 น. ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของช้าง แต่ถึงแม้ภายนอกจะดูปกติ แต่ยังต้องกักโรคจนคนครบ 30 วัน โดยเมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) สัตวแพทย์พบปัญหาสุขภาพเบื้องต้นคือขาหน้าซ้ายงอไม่ได้ ปัญหาเล็บและฝ่าเท้า พบแผลฝีที่สะโพกทั้งสองข้างและตาขวาเป็นต้อกระจก ซึ่งหลังพ้นระยะกักโรค จึงจะนำเข้าสู่การตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาต่อไป
ขณะที่เฟซบุ๊ก BBC ภาคภาษาสิงหลในศรีลังกา ได้มีการเผยคลิปวิดีโอสัมภาษณ์พิเศษ “พระโกกวิตา วุปุสสฺสเถโร” เจ้าอาวาสวัดคันเดวิหาร ผู้ดูแลและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในตัวพลายศักดิ์สุรินทร์ โดยเจ้าอาวาสระบุว่า “ที่ยอมส่งพลายศักดิ์สุรินทร์ไปรักษา เป็นไปตามข้อตกลงและคำสัญญาว่า ช้างจะถูกส่งไปไทยและเมื่อรักษาเสร็จ แข็งแรงเต็มร้อย ก็ส่งกลับศรีลังกา โดยไทยต้องออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด”
“หนูนา” เผย “พลายศักดิ์สุรินทร์” จะแข็งแรงเต็มร้อยคงต้องรักษาที่ไทยชั่วชีวิต
เรื่องนี้ นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา หรือ คุณหนูนา ที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ “พลายศักดิ์สุรินทร์” กลับประเทศไทยได้โพสต์เฟซบุ๊ก ชี้แจงถึงประเด็นดรามา เรื่องการจะส่งพลายศักดิ์สุรินทร์กลับศรีลังกาหรือไม่นั้น
เรื่องนี้นางสาวกัญจนาเปิดเผย เงื่อนไขที่เจ้าอาวาสวัดที่ “พลายศักดิ์สุรินทร์” อาศัยอยู่ ได้กรุณาให้พลายศักดิ์สุรินทร์มารักษาตัว โดยท่านได้ใช้คำว่า “กระทั่งแข็งแรงเต็มร้อย” ซึ่งคำคำนี้ก็วินิจฉัยยาก และเมื่อดูจากสภาพของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” แล้ว ซึ่งทรุดโทรมมาก น่าจะต้องรักษาตัวอยู่ที่เมืองไทยอีกยาว หรืออาจจะจนสิ้นอายุขัยของเขา
ส่วนประเด็นเบื้องหลังการกลับมาของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ที่มีกระแสข่าวว่า เพราะตนได้บริจาคเงินเป็นจำนวนมาก และบริจาคทองคำจำนวนหลายกิโลกรัม นางสาวกัญจนากล่าวว่า “เป็นเมตตาของเจ้าอาวาสที่กรุณาปล่อยให้เรานำพลายศักดิ์สุรินทร์มารักษาตัวได้ที่ไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยยกให้รัฐบาลศรีลังกาแล้ว และรัฐบาลศรีลังกามอบถวายวัด”
แต่ด้วยเมตตาของเจ้าอาวาสก็เลยทำให้เรานำน้องกลับมารักษาได้ ตนจึงมีจิตศรัทธาที่อยากจะทำบุญ และได้ทราบว่าท่านเจ้าอาวาสกำลังสร้างองค์พระใหญ่องค์หนึ่งที่วัด และขาด “สีทอง” ที่จะใช้ทาองค์พระ ซึ่งในศรีลังกาไม่มีจะต้องสั่งจากเมืองไทย ทั้งหมดจำนวน 2.8 ตัน ตนจึงมีจิตศรัทธาที่จะขอถวายสีทองดังกล่าวแด่เจ้าอาวาสเพราะท่านได้กรุณาเมตตาให้พลายศักดิ์สุรินทร์ออกมารักษาตัว ขอย้ำว่า “สีทอง” ไม่ใช่ “ทองคำ” ไม่ใช่เงื่อนไขอย่างที่นำไปวิพากษ์วิจารณ์กัน
สำหรับความห่วงใยอีกหนึ่งเรื่องที่พูดกันเยอะคือ เอาช้างอีก 2 เชือกกลับมาด้วยได้ไหม เรียนว่า การเอากลับแต่ละเชือกไม่ง่าย กรรมสิทธิ์เป็นของวัดที่เขาอยู่ ถ้าเจ้าอาวาสไม่ให้ เราทำอะไรไม่ได้เลย ซึ่งกรณีที่เราไปเอาศักดิ์สุรินทร์กลับ ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมมากในศรีลังกา ทั้งในเชิงอภิปรายในสภา และการเกรงว่า ช้างที่มาจากต่างประเทศของเขาจะมีการถูกเอากลับอีก (เขามีช้างจากอินเดียและพม่าด้วย) เป็นเรื่องใหญ่ในประเทศ แต่ในมิติที่ดีคือ เขาน่าจะตื่นตัวใส่ใจดูแลสวัสดิภาพช้างที่เขาใช้งานให้ดีขึ้น
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35