วันนี้ คดีใหญ่ แอม ไซยาไนด์ เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดในชั้นพนักงานสอบสวน เมื่อ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงปิดคดีนี้ เพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการต่อไป โดยดำเนินคดีแอม 15 คดี ตำรวจอดีตสามี 1 คดี และทนายความ 1 คดี
ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะพนักงานสอบคดีแอม ไซยาไนด์ ได้แถลงปิดคดี นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม วางยาไซยาไนด์ฆ่าผู้อื่น 15 ราย โดยได้มีการย้อนถึงเหตุการณ์แรกที่ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นสอบสวนคดีนี้ คือ เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566 พบผู้เสียชีวิตคือ นางสาวศิริพร ขันวงษ์ เสียชีวิตในพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ต่อมาสามารถจับกุมนางสรารัตน์ หรือแอม ดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อนที่ตำรวจจะขยายผลจนทราบว่าแอม มีพฤติกรรมในการวางแผนฆ่าเหยื่อหลายราย พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงสั่งการให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ สืบสวนขยายผลการก่อเหตุของแอม ทั้งหมด ต่อมาได้มีการตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนร่วมกันระหว่างตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 4 ตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจกองปราบ ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานสืบสวนคดีฆาตกรรมเหยื่อทั้งหมด
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าว ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยอีกคดีหนึ่ง ที่ผู้ต้องหามีการวางแผนฆาตกรรมเหยื่อมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายปี ใช้การวางยาพิษ เพื่อให้เหยื่อเสียชีวิตในลักษณะเหมือนการเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย ด้วยภาวะการทำงานของหัวใจล้มเหลว เพื่อมิให้ญาติผู้ตายพบข้อพิรุธสงสัย โดยหวังเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ และล้างหนี้ที่เคยหยิบยืมกันมา ในคดีนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐาน กระทำด้วยความละเอียดรอบคอบ และพยายามแสวงหาพยานหลักฐานมาให้ได้มากที่สุด เนื่องจาก หลายเหตุการณ์ผ่านมาหลายปี อาจมีความยากลำบากในการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เจ้าหน้าที่ทุกคน ก็ได้ทำอย่างเต็มที่จนมีพยานหลักฐานมากพอ สามารถสั่งฟ้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้ สถาบันนิติเวชวิทยา ได้ตรวจสอบเลือด และสารคัดหลั่ง ในกระเพาะจากศพเหยื่อรายสุดท้ายที่ จ.ราชบุรี พบสารไซยาไนด์ในเนื้อตับของผู้ตาย
พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังการกองปราบปราม กล่าวว่า แนวทางการสืบสวนยังพบว่าผู้ต้องหาติดพนันออนไลน์มีหนี้ในระบบ และนอกระบบจำนวนมาก จึงต้องหาเงินมาชดใช้คืนด้วยวิธีการดังกล่าว โดยพบพฤติกรรมก่อเหตุมี 3 ประการ คือ 1.ขับรถไปรับผู้ตายออกมาประทานอาหารจากที่บ้าน ก่อนลอบวางไซยาไนด์ และนำไปส่งบ้านกระทั่งผู้ตายเสียชีวิต 2.รับผู้ตายจากบ้าน และลอบวางไซยาไนด์จนเสียชีวิต และ 3.ส่งแคปซูลยาอ้างเป็นยาลดความอ้วนไปให้ผู้ตายถึงที่บ้าน ซึ่งมีคดีเดียวใน จ.มุกดาหาร หลังผู้ต้องหาเห็นผู้ตายต้องการจะลดน้ำหนักหลังคลอด โดยหลังก่อเหตุผู้ต้องหาจะโทรศัพท์หาเหยื่อหรือคนใกล้ตัวเหยื่อว่ามีอาการหรือไม่ หากมีอาการแล้วจะตัดขาดการติดต่อไป จากนั้น ผู้ต้องหาพยายามทำลายพยานหลักฐานโดยไปเอาโทรศัพท์มือถือผู้ตายออกมา ก่อนนำโทรศัพท์อีกเครื่องไปวางไว้แทน หรือหาทางเอาโทรศัพท์จากญาติผู้ตายมาให้ตนเองทำลายข้อมูลในโทรศัพท์ที่จะเชื่อมโยงมาถึงตัว รวมถึงยังเอาทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้ตาย และทำหลักฐานเท็จเพื่อไปเอาทรัพย์สินจากญาติผู้ตายด้วย
สำนวนคดีทั้ง 15 คดีนั้น สอบปากคำพยานมากกว่า 900 ปาก มีเอกสารเกี่ยวกับคดีทั้งหมดมากถึง 26,500 แผ่น โดยมีการดำเนินคดีผู้ต้องหา 3 ราย คือ นางสรารัตน์ โดนไป 15 คดี ความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นฯ และฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอื่น เพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภค บริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพ หรือใช้ และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายฯ
คนที่ 2 คือ พ.ต.ท. วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีแอม โดน 1 คดี ความผิดฐาน เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
ส่วนคนที่ 3 คือ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความของแอม โดนไป 1 คดี ความผิดฐาน เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
นอกจากนี้ ในส่วนของผู้จัดจำหน่ายสารไซยาไนต์ในล็อตที่นางสรารัตน์ ได้สั่งซื้อออนไลน์ และนำไปก่อเหตุดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดของกลางดังกล่าวไว้ได้นั้น ได้สืบสวนขยายผลหาผู้ที่จัดจำหน่ายสารอันตรายดังกล่าว เพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของแอม ทั้งหมด 15 คดี ประกอบด้วย
รายที่ 1 น.ส.มณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ก.ค.58 ภายในคอนโดพื้นที่ สน.ทองหล่อ
รายที่ 2 น.ส.นิตยา แก้วบุบผา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ส.ค.63 ภายในห้องพักพื้นที่ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม
รายที่ 3 น.ส.สาวิตรี บุตรศรีรักษ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พ.ย.63 ที่บ้านพักในพื้นที่อำเภอเมืองมุกดาหาร
รายที่ 4 น.ส.ดาริณี เทพทวี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.63 ภายในบ้านพักพื้นที่อำเภอสามพราน จ.นครปฐม
รายที่ 5 นายสุรัตน์ ทรพับ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ม.ค.64 ที่บ้านพักในอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี
รายที่ 6 ร.ต.อ.หญิง กานดา โตไร่ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 ส.ค.65 ในพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม
รายที่ 7 น.ส.รสจรินทร์ นิลน้อย เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
รายที่ 8 นางจันทร์รัตน์ วงศ์ไกรสิน เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ส.ค.65 ในพื้นที่อำเภอชะอำ เพชรบุรี
รายที่ 9 นางมณีรัตน์ พจนารถ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ก.ย.65 ในพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม
รายที่ 10 น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารัตน์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 ก.ย.65 ในพื้นที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
รายที่ 11 น.ส.กานติมา แพสะอาด ในพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี เป็นเหยื่อผู้รอดชีวิตเพียงรายเดียว
รายที่ 12 น.ส.ผุสดี สามบุญมี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 พ.ย.65 ในพื้นที่อำเภอดอนตูม นครปฐม
รายที่ 13 นายสุทธิศักดิ์ พูนขวัญ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มี.ค.66 ในพื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี
รายที่ 14 พ.ต.ต.หญิง นิภา แสงจันทร์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 เม.ย.66 ในพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม
รายที่ 15 น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เม.ย.66 เสียชีวิตในพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35