ลุ้นทุกนาที ! “เพื่อไทย” เปิดสูตร 14+1 ยันต้องได้เก้าอี้ “ประธานสภาฯ”

417 ครั้ง

28 มิ.ย. 2566

แชร์ข่าวไปที่

เช้านี้ที่หมอชิต - ขณะนี้กระดานการเมืองพลิกคว่ำพลิกหงายได้ทุกนาที จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ ระดับแกนนำพรรคเพื่อไทย และทีมเจรจาประสานเสียง ขอรักษาหลักการพรรคอันดับหนึ่งเป็นประธานสภาแต่ล่าสุด หลังประชุมคณะกรรมการบริหาร และ สส. เมื่อวานนี้ พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง กลับไปยืนยันเสียงแข็งว่า สูตรร่วมรัฐบาลต้องเป็น 14+1 ก้าวไกลได้เก้าอี้นายก เพื่อไทยต้องได้เก้าอี้ประธานสภา

ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า จะนำข้อเสนอนี้ไปเจรจากับคณะเจรจาของพรรคก้าวไกลในวันพุธที่ 28 มิถุนายน อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคก้าวไกลไม่ยอมรับข้อเสนอนี้จะทำอย่างไร นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่ยอม ต่างฝ่ายก็ต่างไปทบทวน แสดงว่าข้อสรุปในการเจรจาไม่จบ แต่ถ้าการเจรจามีความคืบหน้าอย่างไร ก็จะนำมาเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการบริหารพรรค คิดว่ายังมีเวลาก่อนจะมีการโหวตเลือกประธานสภาฯ ในวันที่ 4 กรกฎาคม

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เวลาประมาณ 23.11 น. ทางทีมโฆษกพรรคก้าวไกลแจ้งสื่อมวลชนว่า การประชุมระหว่างก้าวไกล-เพื่อไทย ในวันนี้ขอเลื่อนออกไปก่อน หากมีกำหนดการใหม่จะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้ง

แต่เมื่อวานก็มีความเคลื่อนไหวจากทางฝั่งพรรคก้าวไกล โดยมีการประชุมคณะกรรมการบริหารเช่นกัน ซึ่งข้อสรุปที่ประชุมเคาะเสนอชื่อ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก เป็นประธานสภา

ทั้งนี้ จากท่าทีที่เปลี่ยนไปของพรรคเพื่อไทย ทำให้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงโดยเฉพาะในทวิตเตอร์ #เพื่อไทย #ประธานสภา #พรรคอันดับสอง ขึ้นเทรนด์ทันที เพราะหลายคนมองว่า รอยปริร้าวที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้ สว. เกิดความลังเลในการเลือก พิธาเป็นนายกฯ และทำให้เกิดความคลางแคลงใจต่อเพื่อไทยว่า กำลังมีดีลลับบางอย่างหรือไม่ เนื่องจากท่าทีที่เกิดขึ้นไปสอดคล้องกับกระแสข่าวที่ว่า พรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ซึ่งปัจจุบันสังกัดพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานสภา และสอดรับไปกับข่าว บิ๊กป้อม บินไปดูแข่งม้าถึงอังกฤษในช่วงนี้ ซึ่งหาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลไม่มีมติเป็นหนึ่งเดียวกันในเรื่องนี้ จะทำให้เกิดการฟรีโหวตซึ่งเป็นไปได้ว่า เสียงส่วนใหญ่ในสภาอาจไหลไปทาง นายสุชาติ มากกว่าตัวแทนจากพรรคอันดับหนึ่งอย่างก้าวไกล

เอาเป็นว่าหากจะฟันธงลงไป การโหวตเลือกประธานสภาในวันที่ 4 กรกฎาคม 2 คนนี้ จะเป็นคู่ชิงแน่นอน และหากเป็นตามข่าวลือหรือข่าวดีล เชื่อว่าจะไม่มีการเสนอชื่อประธานสภาขึ้นมาแข่งจากพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน

เมื่อภาพเริ่มชัดขึ้นแบบนี้ เราไปส่องประวัติและวิสัยทัศน์ของทั้งคู่เปรียบเทียบกันหน่อย เริ่มจากพรรคอันดับหนึ่ง ปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือหมออ๋อง เป็น สส.พิษณุโลก สมัยที่ 2 อายุ 42 ปี ลงเลือกตั้งสมัยแรกปี 62 สามารถเอาชนะ หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตสส. หลายสมัยจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ เคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองการสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน เคยอภิปรายตีแผ่ทุจริตกองทัพต้นตอกราดยิงโคราช และเป็นหนึ่งในมืออภิปรายเกี่ยวกับการแก้ไขระบบเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญ

ล่าสุด หลังเปิดตัวได้โพสต์ วิสัยทัศน์ในฐานะแคนดิเดตประธานสภาระบุว่า ต้องการสร้างรัฐสภาที่มีประสิทธิภาพโปร่งใส และเป็นของประชาชนตั้งใจผลักดันรัฐสภาไทยให้เป็นสภาที่ก้าวหน้าที่สุดในเอเชีย ทั้งในแง่การออกกฎหมาย และวัฒนธรรมองค์กร มุ่งมั่นทำให้สภาเป็นเสาหลักของประชาธิปไตย ค้ำจุนประเทศให้สมกับที่ผู้แทนราษฎรทุกคนได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจแทนประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ

ส่วนนายสุชาติ ตันเจริญ อายุ 65 ปี ปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์จาก San Jose State University และปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจจาก Notre Dame de Namur University สหรัฐอเมริกา จุดแข็งคือมีประสบการณ์ทางการเมืองอย่างยาวนาน เป็น สส.จังหวัดฉะเชิงเทราถึง 9 สมัย โดยย้ายไปร่วมงานการเมืองมาแล้วหลายพรรค ตั้งแต่ประชาธิปัตย์ ชาติไทย สามัคคีธรรม ชาติพัฒนา ไท ความหวังใหม่ ไทยรักไทย เพื่อแผ่นดิน ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ก่อนจะย้ายกลับมาเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหลังสุด

สำหรับบทบาททางการเมือง เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และเคยเป็นรองประธานสภาหลายครั้ง รวมถึงครั้งก่อนที่ยกกลุ่มบ้านริมน้ำกว่า 40 คน ไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งการทำหน้าที่รองประธานสภาของนายสุชาติเป็นไปในรูปแบบไม่ยอมใครง่ายจนได้รับ ฉายาว่า ตี๋กร่าง แต่หลัง ๆ เหมือนจะรู้จักกันในฉายา พ่อมดดำ มากกว่า

พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35