หลังจากรายการข่าวเย็นประเด็นร้อน และถกไม่เถียง นำเสนอข่าว ผู้เสียหายถูกหลอกขายดาวน์รถบรรทุกพ่วง แล้วเชิดรถหนี ล่าสุด เจ้าของอู่รถ ที่ปรากฏในภาพชกต่อยเจ้าของรถ ที่พาไฟแนนซ์ตามไปยึดรถที่ปราจีนบุรี เข้าแจ้งความกับตำรวจ เพื่อดำเนินคดีกลับเจ้าของรถ ฐานทำให้ชื่อเสียงเสียหาย ขณะที่ผู้เสียหาย เข้าให้ปากคำคณะทำงานของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายที่เพิ่งขายดาวน์รถพ่วงให้นายหน้า คนเดียว 5 คัน รวมอยู่ด้วย
กรณีมีผู้เสียหายร้องเรียนมายังรายการถกไม่เถียง ขอความช่วยเหลือ ขายดาวน์รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ แต่ว่าคนที่ซื้อดาวน์ไป ไม่ผ่อนต่อ ทำให้ถูกไฟแนนซ์ตามทวง สุดท้ายพาไฟแนนซ์ตามไปเจอรถบรรทุกคันดังกล่าว ที่อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี แต่ถูกทำร้ายร่างกาย
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ ผู้เสียหาย 6 ราย เข้าพบทีมตำรวจชุดรับเรื่องราวร้องเรียนของ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สโมสรตำรวจ โดยมี พันตำรวจเอก ธิติพงศ์ ภิวัฒน์วุฒิกุล รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 พร้อมคณะทำงาน เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน ซึ่งผู้เสียหายทั้ง 6 คน มีรถบรรทุกพ่วง ที่ขายดาวน์ต่อให้นายหน้าที่ชื่อหรั่ง จำนวน 13 คัน ในจำนวนนี้ มีผู้เสียหายชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ที่เพิ่งขายดาวน์รถบรรทุกพ่วงให้นายหรั่ง เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนนี้ จำนวน 5 คัน โดยทั้ง 5 คันนี้ นายหรั่งจะต้องผ่อนต่ออีก 37-56 งวด แต่ว่าผู้เสียหายรายนี้ เริ่มเห็นข่าวเกี่ยวกับกรณีนี้ และเห็นรถของตัวเองถูกโพสต์ขายในกลุ่ม "ซื้อขายรถพ่วง" โดยอ้างรถหลุดจำนำปี 64 ขายราคา 1.2 ล้านบาท ทำให้ผู้เสียหายรายนี้ ต้องรีบเดินทางจากบุรีรีมย์ มาให้ปากคำกับชุดสืบสวนสอบสวนของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับผู้เสียหายรายอื่น
นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายอีกราย เดินทางมาจากมุกดาหาร บอกว่า ขายดาวน์รถพ่วงไป 3 คัน ให้นายหรั่ง แต่นายหรั่ง ไม่ผ่อนต่อ จึงถูกไฟแนนซ์ฟ้องดำเนินคดี เมื่อเริ่มรวมกลุ่มกันได้ พบว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก ที่ถูกนายหรั่ง หลอกซื้อดาวน์แล้วไม่ผ่อนต่อ
ใน 6 คนที่มาพบตำรวจวันนี้ มีอยู่ 1 คน ที่เคยไปตามหารถของตัวเองเหมือนที่นายสมชาย ผู้เสียหาย ที่มาร้องรายการถกไม่เถียง เคยไปตาม คือ ลุงไชยสาคร ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ตามไปพบว่ารถของตัวเอง จอดอยู่ที่บ่อดินแห่งหนึ่งในอำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี กำลังถูกยกกระบะเปลี่ยนเป็นสีใหม่ จึงเจรจาขอซื้อรถคืน ตอนแรกทางผู้ครอบครองรถจะขายคืนให้ แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด
ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง เมื่อวานนี้ บุคคลที่อยู่ในคลิปต่อยนายสมชาย เจ้าของรถที่พาไฟแนนซ์ไปตามยึดรถ ที่อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี พร้อมคนขับรถบรรทุกคันดังกล่าว และทนายความ ไปที่ สภ.ประจันตคาม เพื่อร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินคดีกับนายสมชาย โดยบอกว่า เจ้าของอู่รถดังกล่าว ทำอาชีพรับเหมาถมดินในเขตจังหวัดปราจีนบุรี จึงประกาศลงเพจ Facebook เพื่อหารถพ่วงมาวิ่งร่วม ส่วนรถคันที่มีปัญหา ได้เข้ามาขอวิ่งร่วม เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ส่วนคลิปที่เกิดขึ้นในวันนั้น นายจินดา โพธา ผู้ที่ขับรถคันดังกล่าวในวันเกิดเหตุ บอกว่า วันนั้น ตนเองขับรถคันดังกล่าว เพื่อลองเครื่องรถ หลังจากที่เถ้าแก่เพิ่งซ่อมเสร็จ อยู่ ๆ ก็มีรถกระบะขับมาปาดหน้าที่หน้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นมีผู้ชายลงมา 4 คน มาเปิดประตูและกระชากตนลงจากรถ แล้วขึ้นรถไปถอดกุญแจรถออก พร้อมบอกว่า เป็นเจ้าของรถ น้ำเสียงคล้าย ๆ เป็นคนมีอิทธิพลมาขู่เอารถ ทำให้ตกใจ
ขณะที่นายสมพงษ์ สุขเกษม เจ้าของอู่รถ กล่าวว่า ปกติจะมีคนนำรถบรรทุกมาวิ่งร่วมกับตนเองบ่อย จึงไม่ได้สอบถามรายละเอียดแบบเจาะจงว่าเป็นรถใครหรืออะไรยังไง โดยหลังจากรถคันดังกล่าววิ่งบรรทุกดินได้ประมาณ 1 เดือน รถเกิดมีปัญหาระบบเกียร์ ประกอบกับตนเอง มีอู่ที่สามารถซ่อมรถภายในอู่ได้ จึงซ่อม
ซึ่งระหว่างซ่อมรถคันดังกล่าวอยู่นั้น ผู้ที่กล่าวหาว่าตนเองเป็นนายทุนรับซื้อรถ เดินทางมาที่อู่ พร้อมกับกล่าวอ้างว่า รถคันดังกล่าว มีคนมาขอซื้อต่อแบบขายดาวน์และไม่ยอมส่งค่างวด จึงมาตามหารถ และทางผู้กล่าวหา ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบด้วย แต่รถกำลังซ่อม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท เจ้าของรถต้องนำคนที่ซื้อดาวน์ มาพร้อมกัน และนำเงินมาชำระค่าซ่อมรถ จึงจะเอารถออกไปได้ ยืนยันไม่ใช่การเรียกค่าไถ่รถ หลังจากนั้นเจ้าของรถได้กลับออกไป โดยไม่ได้พูดอะไรกับตนเอง จนกระทั่งเมื่อประมาณกลางเดือนมีนาคม ลูกน้องในอู่ ได้นำรถคันนี้ ที่เพิ่งซ่อมเสร็จ ออกไปทดสอบระบบ จนกระทั่งพบกลุ่มเจ้าของรถพยายามมาปาดหน้า และได้ฉุดกระชากคนขับรถลงจากรถ คนขับ จึงโทรตามตนเอง เมื่อไปถึง ได้เกิดการถกเถียงและเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตามคลิป ส่วนทางด้านคนที่นำรถคันดังกล่าวมาวิ่งงานร่วมนั้น ได้นำเงินมาจ่ายค่าซ่อมรถ และนำรถกลับไป โดยไม่ได้ติดต่อกันอีก หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ตนเองก็ไม่ได้ไปแจ้งความแต่อย่างใด จนกระทั่งรู้อีกทีว่าตัวเองเป็นข่าว จึงปรึกษาทนายความและหาหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีผู้ที่กล่าวหาตนทั้งหมด และขอยืนยันว่าตนเองไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลในจังหวัด ซึ่งจากการที่เป็นข่าวครั้งนี้ทำให้เกิดผลกระทบจากการงาน จึงจำเป็นต้องดำเนินคดี เพื่อชี้แจงความบริสุทธิ์
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวว่า ตำรวจบอกกับผู้เสียหายว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่ หรือผู้มีอิทธิพลคอยช่วยไหม ถ้าไม่ช่วย ก็ไม่สามารถดำเนินคดีได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมเข้าไปเจรจาในวันที่เข้าไปดูรถที่อู่ดังกล่าว พร้อมกับเจ้าของรถด้วย
ด้านนายสมชาย คนที่พาไฟแนนซ์ไปตามรถบรรทุกแล้วโดนต่อย ยืนยันว่า วันเกิดเหตุ มีทีมยึดรถของไฟแนนซ์ไป 3 คน โดยขับรถคันหนึ่ง ส่วนตัวเขาและแม่ที่เป็นคนถ่ายคลิป ขับรถอีกคันตามไป ไปพบรถบรรทุกคันดังกล่าวกำลังจอดให้ภรรยาซื้อของอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ทีมยึดรถของไฟแนนซ์จึงขับไปจอดด้านหน้ารถบรรทุก ส่วนตนเองจอดอยู่ด้านหลัง จากนั้นทีมยึดรถของไฟแนนซ์ได้เรียกคนขับรถทุกคันดังกล่าว ลงมาเจรจากัน แต่คนขับรถบรรทุกโทรเรียกเจ้าของอู่ เมื่อเจ้าของอู่มาถึง ก็เปิดฉากทำร้ายตนเองอย่างที่เห็นในคลิป
เบื้องหลังทีมข่าวได้ติดต่อสอบความข้อเท็จจริงเรื่องนี้ กับทีมยึดรถของบริษัทไฟแนนซ์ที่ไปกับนายสมชาย ไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ แต่ให้ข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นว่า เจ้าของรถคือนายสมชาย เช็คจีพีเอส พิกัดรถบรรทุกได้แล้ว จึงนัดหมายทีมยึดรถของไฟแนนซ์ ไปด้วยกัน ประมาณ 09.00 น. รถบรรทุกจอดหน้าร้านสะดวกซื้อ ใกล้โรงพยาบาลประจันตคาม ให้ภรรยาลงไปซื้อของ จึงขับรถไปจอดหน้ารถบรรทุก แล้วลงไปเคาะประตูเรียก คนขับก็ลงมา จึงแจ้งว่ารถคันนี้เป็นของไฟแนนซ์ ติดค้างค่างวดไฟแนนซ์ คนขับรถบรรทุก จึงบอกให้รอเจ้านายเขาก่อน
จากนั้น 20 นาทีต่อมา เจ้านายของคนขับรถบรรทุกขับรถมาถึง พร้อมกับลูกน้องขับรถสิบล้อ 3 คัน มาจอดประกบหน้าหลัง แล้วลงจากรถมาต่อยนายสมชาย จากนั้นได้ไล่ไฟแนนซ์กลับ เมื่อเห็นท่าไม่ดี เพราะอีกฝ่ายมีประมาณ 10 คน จึงขึ้นรถแล้วขับออกจากพื้นที่ทันที
จนถึงตอนนี้หลัง ข่าวเย็นประเด็นร้อน และถกไม่เถียง นำเสนอออกไป มีผู้เสียหายแจ้งเข้ามาในเพจรายการถกไม่เถียง เพิ่มอีก 1 ราย เป็นชาวอุบลราชธานี ถูกนายหรั่ง มาซื้อดาวน์รถบรรทุกแล้วไม่ผ่อนต่อเหมือนกัน รวมผู้เสียหายขณะนี้ 7 ราย รถบรรทุก 14 คัน
ผู้เสียหายไปให้ปากคำกับทีมสอบสวนของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล แล้ว 6 ราย จำนวนรถ 13 คัน ซึ่งวันนี้ทาง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ติดภารกิจประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงให้ทีมสอบสวนรับเรื่องไว้
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35