อดิศร ขอโทษพาดพิง “พรรคก้าวไกล” ชี้ พระบวชใหม่เป็นเจ้าอาวาส แค่คำพังเพย

เช้านี้ที่หมอชิต - เก้าอี้ประธานสภาฯ กลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังที่ประชุมสัมมนาของพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ เห็นแย้งคณะเจรจา ไม่ยอมยกเก้าอี้ให้ก้าวไกล เรื่องนี้จะกลายเป็นรอยร้าวระหว่าง 2 พรรคหรือไม่ และจะจัดการอย่างไร ก็มีเสียงสะท้อนอย่างหลากหลายออกมาจากคนในเพื่อไทยเช่นกัน 

 

คุณหมอชลน่าน ยอมรับว่า ความเห็นส่วนใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ต้องการให้เสนอขอตำแหน่งประธานสภาฯ แต่สุดท้ายต้องขึ้นอยู่กับการหารือของทั้ง 2 พรรค ส่วนจะเป็นข้อขัดแย้งจนบานปลายหรือไม่นั้น เพื่อไทยระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง

 

ส่วนกรณีที่มี สส.เพื่อไทยบางคน ยืนยันว่าหากตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นของพรรคก้าวไกล จะขอใช้เอกสิทธิ์งดออกเสียง คุณหมอชลน่าน บอกว่า ในระบบพรรคการเมืองต้องหามติร่วมให้ได้ก่อน เชื่อว่า สส.เพื่อไทย มีวินัย เมื่อพรรคมีมติแล้ว จะทำตามมติพรรค

 

ขณะที่ นายอดิศร เพียงเกษ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เมื่อวานนี้ฉายเดี่ยว ไม่ได้ไปรายงานตัวเป็น สส.ที่สภา พร้อมคณะของพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม คุณอดิศร ยืนยันว่า สส.ในที่ประชุมเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เห็นด้วยกับตน และไม่เห็นด้วยกับการยกเก้าอี้ประธานสภาฯ ให้พรรคก้าวไกล

 

ขณะที่ นายเฉลิม อยู่บำรุง คัมแบ็กสภาแล้ว กลับมาครั้งนี้ฝีปากยังจัดจ้านเหมือนเดิมไหม และพรรคใดที่จะตกเป็นเป้าลับฝีปาก

 

สิ่งที่ คุณเฉลิม พูด ยังมีประเด็นน่าสนใจ เนื่องจากยืนยันว่าตนไม่เคยพูดว่า คุณพิธา ต้องเป็นนายก หรือประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรคไหน หลักการของสภา คือ หากพรรคเพื่อไทยตกลงไม่ส่งคนลงแข่งขัน พรรคไหนส่งและสมาชิกเลือก ก็ได้เป็น หากเพื่อไทยส่งแล้ว คนในสภาเลือก คนของเพื่อไทยก็ได้เป็น เมื่อถึงตอนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นคนของพรรคเดิมอีก ก็ได้ทั้ง 2 ตำแหน่ง

 

อย่างไรก็ตาม คุณเฉลิม ย้ำว่าทุกอย่างตนเองต้องทำตามมติพรรค ไม่ว่าจะมีมติอย่างไร ก็ต้องทำตาม แม้จะไปจบที่การโหวตในสภา แต่ก็ต้องทำการบ้านมาจากพรรคว่ามีความเห็นหรือมีมติอย่างไร

 

อย่างไรก็ตาม ก็มีท่าทีที่เห็นแย้งมาจากคนกันเองในฝั่งเพื่อไทย เช่น นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ที่โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความเห็นเรื่องประธานสภาฯ ว่า เห็นด้วยกับหลักการของทีมเจรจาพรรรคเพื่อไทย คือ ประธานเป็นของพรรคอันดับ 1 หลักคิด คือ คะแนนน้อยกว่า แต่ใจไม่ได้เล็กกว่า แพ้ให้คม แล้วสร้างชัยชนะขึ้นใหม่ เป้าหมายใหญ่อยู่ที่การตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย จะตั้งได้ 2 พรรคหลักต้องจับมือกัน จะด้วยเหตุใดก็ตาม หากนำมาสู่การแตกหักแยกทางถือว่าผิด ถ้าฟรีโหวต ฝ่ายรัฐบาลเดิมจะแทรกเข้ามา แต่ละก้าวเต็มไปด้วยกับดัก ฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่ถ้าแพ้ทางการเมือง โดยเพื่อไทย ก้าวไกลไม่ได้ตั้งรัฐบาล หรือ 2 พรรคแตกกัน ชัยชนะของประชาชนจะลับหาย