อลเวง ! ผัวแจ้งจับ “เมีย” ยักยอกทรัพย์ ทั้งที่เป็นเงินอุปการะ จ.บุรีรัมย์

522 ครั้ง

23 มิ.ย. 2566

แชร์ข่าวไปที่

หญิงอายุ 36 ปี ต้องหันไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลังสามีที่แต่งงานกันเมื่อ 5 ปีก่อน กลับมาจากทำงานเมืองนอก หิ้วเมียใหม่มาแล้วแจ้งจับฐานยักยอกทรัพย์เรียกเงินที่โอนให้ใช้ 37 เดือนกว่า 7 แสนบาทคืนมา ทั้งที่ตกลงกันว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่ฝ่ายชายต้องส่งเสียเลี้ยงดู

นางสาวตรีรกา อายุ 36 ปี ชาวอำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์ จุดธูปไหว้บนบานศาลพระภูมิหวังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย เพราะหมดสิ้นหนทางแล้ว หลังเมื่อปี 2560 ได้แต่งงานกับนายนิกร อายุ 49 ปี คนในหมู่บ้านเดียวกัน มีการจัดงานแต่งเหมือนชาวบ้านทั่วไป สินสอดตอนนั้น 200,000 บาท ทองอีก 4 บาท แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส

ต่อมาเดือนมกราคม ปี 2561 สามีเดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน โดยก่อนจะเดินทางไปต่างประเทศ ได้พากันไปดาวน์รถกระบะ 1 คัน หลังจากนั้นสามีได้ส่งเงินมาทุกเดือน เดือนละ 30,000-40,000 บาท บอกว่าเงินส่วนหนึ่งเอาไว้ส่งงวดรถเดือนละ 8,526 บาท ที่เหลือเก็บไว้ใช้จ่ายภายในครอบครัว โดยระหว่างที่สามีทำงานอยู่ต่างประเทศ จะติดต่อกันทางเฟซบุ๊ก หรือวิดีโอคอลหากันเป็นประจำ

พอปี 2564 สามีเริ่มผิดปกติ บอกว่าจะไม่ส่งเงินให้แล้วนะ และบอกว่า เราต่างคนต่างไปเถอะ ต่อมามีญาติสามีมาเอารถกระบะคืนกลับไป เพราะรถเป็นชื่อของสามี ตนก็ให้ไป แล้วเลิกการติดต่อกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

จนเดือนพฤศจิกายน 2565 ทราบข่าวว่าสามีกลับมาจากต่างประเทศพร้อมแฟนใหม่ ไม่เคยได้เห็นหน้า หรือพูดคุยกัน เพราะสามีไปอยู่บ้านแฟนใหม่ที่จังหวัดสกลนคร กระทั่งเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนได้รับหมายเรียกจากตำรวจ สภ.ชำนิ ว่าสามีแจ้งความกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์ จึงรีบไปพบตำรวจ ก่อนมาทราบว่าสามีต้องการเงินที่ส่งมาให้ใช้ทุกเดือน รวม 37 ครั้ง เป็นเงิน 720,000 บาท คืน เจอเข้ากับตัวแบบนี้ เธอทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่จากกันไปด้วยดี

เธอบอกว่า ตอนนี้ครอบครัวทำอะไรไม่ถูก ไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย ไม่รู้จะทำอย่างไรหลังจากนี้ จึงอยากจะให้ผู้ที่มีความรู้ด้านกฎหมายมาชี้แนะ เพราะไม่รู้จะหาเงินจากไหนไปคืนให้สามี และอยากจะถามสังคมว่า มีใครโดนในลักษณะนี้หรือไม่ ในใจอยากจะถามสามีว่าตนทำผิดอะไร ไม่เคยคิดนอกใจ ชาวบ้านรู้ดี แต่ทำไมต้องทำกันแบบนี้

ด้าน พ่อของนางสาวตรีรกา เปิดเผยว่า รู้สึกเห็นใจลูกสาว ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ทั้งที่เป็นการส่งเสียภรรยา มองว่าลูกเขยใจดำเกินไป กล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำกันเหมือนไม่ใช่ลูกผู้ชาย ตอนไปเจอกันที่โรงพักก็ไม่สนใจตน แม้แต่จะมองหน้า

ขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของฝ่ายชายซึ่งอยู่ห่างจากบ้านนางสาวน้อยเพียง 200 เมตร พบว่าบ้านปิดเงียบ ไม่มีคนอยู่ ด้าน นายพิเดช นุ่มเนื้อทิศ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 บ้านหนองม่วง ต.ละลวด เปิดเผยว่า วันแต่งงานตนได้ไปร่วมงานด้วย ถึงแม้จะเป็นการแต่งแบบเรียบง่าย แต่ก็ใหญ่โต มีชาวบ้านมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ส่วนตัวไม่อยากจะให้เรื่องนี้บานปลาย เพราะเป็นคนบ้านเดียวกันอยากจะให้มาพูดคุยกัน เท่าที่เห็นฝ่ายหญิงไม่เคยทำตัวไม่ดี ตอนที่สามีอยู่ต่างประเทศ แต่ส่วนลึก ๆ ยอมรับปัญหาของทั้งสองคนไม่มีใครรู้

ผัวยันเมียยักยอกทรัพย์-สงสัยมีชายอื่น

ล่าสุด นายนิกร อดีตสามี ได้เปิดเผยทางโทรศัพท์ ฟังแล้วเหมือนหนังคนละม้วน เจ้าตัวบอกว่า สาเหตุที่ไปแจ้งความดำเนินคดี เพราะฝ่ายหญิงไม่ทำตามสัญญาที่คุยกันไว้ เงินที่ส่งมาให้เดือนละ 30,000-40,000 บาท ให้เก็บเอาไว้ให้ในบัญชีของตน เดือนละ 20,000 บาท แต่เมื่อกลับถึงเมืองไทย กลับไม่พบเงินในบัญชีที่ตนคิดว่าน่าจะมีประมาณ 720,000 บาท ส่วนสาเหตุที่เลิกกันเพราะหลังจากตนไปทำงานได้ไม่ถึง 1 ปี ได้มีเสียงนินทาว่า ภรรยาแอบไปมีชายอื่น จึงให้ญาติไปเอารถยนต์ซึ่งเป็นชื่อของตนเองกลับมาบ้าน แล้วบอกตัดความสัมพันธ์ ส่วนภรรยาใหม่ตนเพิ่งเจอกันตอนกลับมาเมืองไทยแล้วตกลงอยู่กินกัน

ต่อมาผู้สื่อข่าวกลับไปสอบถามฝ่ายอดีตภรรยานายนิกร อีกครั้ง หลังฝ่ายนายนิกรออกมาโต้ ทั้งเรื่องเงิน และเรื่องผู้ชาย ที่บอกว่าเธอแอบนอกใจ เจ้าตัวยืนยันไม่เป็นความจริง กรณีเรื่องเงิน ถ้าจะให้เก็บเงินให้ทำไมไม่เปิดบัญชีฝากประจำไว้ แถมไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องเก็บเงินด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องผู้ชาย ที่กล่าวหาว่าเธอมีชู้ ไม่เป็นความจริง พร้อมขอท้าพิสูจน์

ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35