ตำรวจชลบุรี 3 นาย ที่ถูกกล่าวหาร่วมรีดเงินเว็บฯ พนัน 140 ล้าน ส่งทนายความเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีอัยการ ในกรณีที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้สัมภาษณ์ว่า พวกตนเองผิดในคดี พ.ร.บ. อุ้มหายฯ แต่กลับไม่แจ้งความผิดในคดี ทำให้พวกตนเสียหาย จึงไม่มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมในคดีนี้
เมื่อเช้านี้ พ.ต.ท. เสถียร รัชพงษ์ไทย อดีตรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท. นครราช นนสีลาด อดีต สว. (สอบสวน) สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี และ ร.ต.อ. สมบุญ บุดดาเลิศ อดีตรอง สว.สส.สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี จากกรณีรีดทรัพย์แก๊งเว็บฯ พนัน 140 ล้าน เดินทางมาพร้อมทนายความ เพื่อยื่นหนังสือให้กับ นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสวบสวน เพื่อขอความเป็นธรรม
ตำรวจทั้ง 3 นาย ได้อ้างถึงการให้สัมภาษณ์ของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า จะทำให้ถูกขั้นตอนตาม พ.ร.บ. อุ้มหายฯ ทั้งยังมีการกล่าวอ้างพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหา ผิดตาม พ.ร.บ. อุ้มหายฯ ฐานกระทำให้บุคคลสูญหาย แต่ในกระบวนการสอบสวน พนักงานสอบสวนกลับไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. อุ้มหายฯ เสียเอง นอกจากนี้ยังหลีกเลี่ยงไม่แจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ. อุ้มหายฯ ให้แก่ผู้ต้องหาคนใดเลย ทั้งที่ในหนังสือรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ระบุพฤติการณ์โดยละเอียด และมีคำให้สัมภาษณ์ของผู้บังคับบัญชายืนยันว่าการกระทำเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าการดำเนินคดีกับพวกตนเองทั้ง 3 คน อาจไม่ชอบมาพากล
นอกจากนี้ คดีทราบเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 15 มิ.ย. ทุกอย่าง จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 7 วันแล้ว การที่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งเหตุแห่งคดีให้อัยการทราบ แสดงให้เห็นเจตนาในการจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้ จึงมีหนังสือฉบับนี้เพื่อขอความเป็นธรรมให้อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ดำเนินการให้มีอัยการเข้ามาร่วมการสอบสวนในครั้งนี้ด้วย
ด้าน นายบัณฑิต เทพอยู่ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เปิดเผยว่า ตำรวจทั้ง 3 นาย รู้สึกสงสัยกรณีที่มีนายตำรวจให้สัมภาษณ์ว่าพฤติการณ์ของพวกเขาข่ายผิด พ.ร.บ. อุ้มหายฯ แต่กลับไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ. นี้ จึงมาขอคำแนะนำจากอัยการ
ส่วนสาเหตุที่พนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อหานี้ เพราะผลการสอบสวนพบว่าไม่เข้าข่ายหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ แต่สื่อต้องย้อนกลับถามว่า ทำไมนายตำรวจท่านนั้นถึงให้สัมภาษณ์ว่าตำรวจผิด
โดยภายหลังการเข้าพบ นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสวบสวน ราว 1 ชั่วโมง ตำรวจทั้ง 3 นายพร้อมที่ปรึกษากฎหมาย ออกมาให้สัมภาษณ์พร้อม นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์
ด้าน นายกุลธนิต อธิบายข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ. อุ้มหายฯ ว่า เมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาแล้ว ต้องแจ้งการควบคุมตัวไปยังอัยการในท้องที่ทันที เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ได้จับกุมโดยทรมาน ซึ่งหากพนักงานอัยการตรวจสอบพบว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น พนักงานอัยการต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อสั่งระงับการกระทำ และหากพบว่าพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. นี้ ตอนนี้ตนเองได้รับเรื่องไว้ และจะตรวจสอบลายละเอียดในคดีนี้
พ.ต.ท. เสถียร บอกว่า ยืนยันว่าทั้ง 3 คน ไม่มีส่วนร่วมในการเรียกรับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น การปฏิบัติงานทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา โดยมีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง ทั้งเอกสารต่าง ๆ วันนี้จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เนื่องจากมีการแจ้งข้อกล่าวหากับพวกตน 4 ข้อหา แต่ไม่มีข้อหาตาม พ.ร.บ. อุ้มหายฯ ส่วนเรื่องที่มีข่าวออกไปว่า พวกตนทั้ง 3 คน ได้รับสารภาพ เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เราทั้ง 3 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ที่ด้าน พลตำรวจเอกสุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นคนกำกับดูแลการสอบสวนคดีนี้ ขอชี้แจงว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดของกลุ่มตำรวจที่ถูกดำเนินคดี เป็นการตีความข้อกฎหมายไปอีกแนวทางหนึ่ง เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาไม่เห็นสำนวนทั้งหมด อีกทั้งชุดสอบสวนยังได้มีการแจ้งข้อหาปล้นทรัพย์อีกหนึ่งข้อหา ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินการของพนักงานสอบสวนเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง โดยได้มีการแจ้งความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมาตรา 149 เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์ไปแล้ว
ส่วน พ.ร.บ. อุ้มหายฯ หลังจากนี้จะต้องมีการหารือร่วมกับอัยการ เพราะยังมีบางส่วนของข้อกฎหมายที่อาจจะไม่เข้าข่ายการกระทำความผิด ซึ่งที่ผ่านมาชุดทำงานได้มีการทำคดีบ้านเด็กที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งเข้าข่าย พ.ร.บ. อุ้มหายฯ เป็นคดีแรก ส่วนคดีตบทรัพย์ 140 ล้านบาท จะรับเป็นคดีที่ 2 ในประเทศ หากครบองค์ประกอบในการกระทำความผิด ซึ่งเรื่องนี้จะต้องหารือกับอธิบดีอัยการอีกครั้งหนึ่ง
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35