เช้านี้ที่หมอชิต - จากกรณีครูประจำชั้นโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูนสั่งลงโทษน้องตุ้ย นักเรียนชั้น ป.6 ลุกนั่งร้อยทีเพราะไม่สวมหน้ากากอนามัยมาโรงเรียน จนเด็กเกิดอาการทรุดหนัก กระดูกอักเสบ มีหนองและฝีในในกระดูก จนกลายเป็นข่าวดัง ล่าสุดโรงเรียนชี้แจงว่า สั่งเด็กลุกนั่งจริง แต่ไม่ถึงร้อยตามที่เป็นข่าว แต่ในขณะที่แม่บอกว่า ลูกบอกวันเดียว 150 ครั้ง
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวานนี้ นายจรัล มณีจันสุข นายอำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านโป่งแดง หมู่ที่ 5 ตำบลทุ่งหัวช้าง เพื่อติดตามกรณีดังกล่าว ซึ่งนาย บัณฑิต กันธิวัง รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนชี้แจงว่าที่ผ่านมาทางคุณครูที่เกี่ยวข้องและโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ติดตามอาการเด็กและนำเด็กไปหาหมอรวมถึงมอบเงินช่วยเหลือไม่ได้ละเลยเด็กตามที่เป็นข่าว
รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนบอกว่า จริง ๆ ตนเองเพิ่งมารับตำแหน่งเมื่อ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ เทอมที่แล้ว จากการสอบถามครูระบุว่า หลังโดนทำโทษเด็กก็มาโรงเรียนปกติ จนกระทั่งวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เด็กก็ไม่มาโรงเรียนอีก ครูจึงโทรไปสอบถามและไปเยี่ยมที่บ้านและพาเด็กไปหาหมอเพราะปวดเข่าซ้าย หมอให้ยาแก้ปวดและมารักษาตัวที่บ้านจนกระทั่งวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ผู้ปกครองถึงมาบอกว่าสาเหตุที่เด็กปวดขา มาจากการที่ครูสั่งทำโทษให้ลุกนั่ง ซึ่งครูก็ยังไปเยี่ยมและติดตามอาการเด็กเรื่อยมา วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ทางครูก็รวบรวมเงินกันได้ประมาณ 10,000 บาท นำไปมอบให้กับครอบครัวของเด็กเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษา และวันที่ 27 กุมภาพันธ์ สำนักงานเขตพื้นที่ก็มอบเงินช่วยเหลืออีกสามพันบาท ต่อมา 28 กุมภาพันธ์ ครูและครอบครัวพาเด็กไปหาหมอที่ โรงพยาบาลทุ่งหัวช้าง หมอแจ้งว่าเด็กอาการหนักต้องให้นอนรักษาตัวที่ รพ. จากนั้นครูก็คอยติดตามอาการเด็กมาตลอด จนวันที่ 14 มิถุนายน เด็กอาการหนักขึ้น โรงพยาบาลทุ่งหัวช้างส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลลำพูนและไปทำเอ็มอาร์ไอที่เชียงใหม่ และทราบผลว่าเด็กมีอาการหนัก กระดูกอักเสบ มีหนองและฝีในกระดูกจนกลายเป็นข่าว
รักษาการผู้อำนวยการบอกว่า ทางโรงเรียนและครูก็ไม่เคยละเลยเด็กคอยติดตามอาการเด็กมาโดยตลอดและสิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือโฟกัสในเรื่องการช่วยเด็กก่อน
ส่วน นายนพดล มังสังข์ อายุ 30 ปี ครูประจำชั้นที่สั่งทำโทษน้องตุ้ยเปิดเผยว่าการลงโทษเด็กไม่ได้เยอะมากตามที่เป็นข่าว เพราะโทษแค่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย ไม่ได้ถึงร้อยครั้ง แล้วก็มอบหมายให้เก็บขยะ ถ้าดูจากภาพกล้องวงจรปิดตอนที่พักเที่ยงจะเห็นน้องเขาวิ่งได้อยู่
ส่วนทางด้านฝั่งแม่ของน้องตุ้ย นางสายใจ สุภา อายุ 37 ปี ยืนยันว่า ลูกชายบอกตนเองว่าครูสั่งให้สก๊อตจัมพ์ตอนเช้า 50 บ่ายอีก 100 ครั้ง จนเกิดบาดเจ็บและต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
แม่บอกว่า ตอนนี้ลูกชายถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลลำพูนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่แล้ว อยากให้ทางโรงเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพราะว่าครอบครัวฐานะยากจน และที่ผ่านมาก็ใช้จ่ายค่ารักษาตัวลูกไปแล้วร่วม 60,000 บาท และครอบครัวก็ต้องหยุดทำงานเพื่อมาดูแลอีก ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ยังหวังว่าลูกชายกลับมาเดิน และมาเรียนหนังสือชั้น ม.1 ได้เหมือนกับเพื่อน ๆ
ผู้สื่อข่าว พบกับ เพื่อนน้องตุ้ยอายุ 12 ปี บอกว่าตอนเช้าวันที่ครูสั่งทำโทษนั้นตนเองก็โดนด้วยเพราะไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยมาโรงเรียน ช่วงเช้าโดนสั่งลุกนั่งหรือ สก๊อตจัมพ์ไปคนละ 50 ครั้ง แต่ครูก็ให้เรานับเอง บางคนก็ทำถึงบางคนก็ไม่ถึง ส่วนตนเองกับเพื่อนคนอื่นก็แค่มีอาการเคล็ดขัดยอกเท่านั้น ไม่หนักเหมือนตุ้ย
ในขณะที่ รองศาสตราจารย์นายแพทย์ วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เจ้าของเพจหมอหมู วีรศักดิ์ โพสต์ว่า เลิกเหอะ สั่งลงโทษนักเรียน ด้วยการสก็อตจั๊มพ์ ครั้งละเยอะ ๆ ส่งผลให้เกิด
1. กระดูกบริเวณนิ้วเท้าหัก หรือเกิดการฉีกขาดของเส้นเอ็นเท้าได้ เนื่องจากการกระโดดนาน ๆ หลาย ๆ ครั้ง
2. กระดูกเข่าร้าวหรือเคลื่อนหลุด
3. ภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย แล้วปล่อยสารที่อยู่ภายในเซลล์เข้าสู่กระแสเลือดจนอาจทำให้ไตวายได้
ขอรณรงค์เลิกการสั่งลงโทษนักเรียน ด้วยการสก็อตจั๊มพ์ เพราะเสี่ยงอันตรายต่อนักเรียนอย่างมาก
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35