คืบหน้า ! “บิ๊กโจ๊ก” เผย “บอย” อิทธิพลใหญ่คดีรีดเงินเว็บไซต์พนัน ขอมอบตัว

“บิ๊กโจ๊ก” ระบุ “บอย” ผู้ต้องหารายสำคัญ ในคดีแก๊งอดีตผู้การฯ ชลบุรี รีดเงินเว็บไซต์พนันออนไลน์ ติดต่อขอมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ ขณะที่ล่าสุดอยู่ระหว่างนำตัวมือขนเงิน เข้ามาสอบปากคำ 

 

วันนี้ (20 มิ.ย.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีแก๊ง พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมพวก ถูกกล่าวหารีดทรัพย์ขบวนการเว็บไซต์พนันออนไลน์ เป็นเงิน 140 ล้านบาทว่า ล่าสุดวันนี้ “นายบอย” หนึ่งในผู้ต้องหารายสำคัญ ได้ติดต่อผ่านชุดทำงานเข้ามา เพื่อขอมอบตัว

 

โดยขอยืนยันว่า แม้ “นายบอย” จะขอมอบตัว แต่ยังไงเจ้าหน้าที่ก็จะขอออกหมายแดง ส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่คาดว่า “นายบอย” หนีไปกบดานอยู่เช่นเดิม เพราะจะทำให้ “นายบอย” อยู่ยากมากขึ้น โดยตัว “นายบอย” เป็นผู้มีอิทธิพล และทำงานร่วมกับตำรวจตบทรัพย์เว็บไซต์พนันมาเป็นเวลานาน จนสามารถสั่งการตำรวจระดับ “ผู้กำกับการ” ได้

 

ส่วนการสอบสวนขยายผล และสอบปากคำตำรวจ ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง โดยพบว่า ตอนนี้มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องในคดีนี้ เพิ่มเติมจากเดิมที่มีเพียง 10 นาย กลายเป็น 14 นาย ซึ่งกำลังจะเรียกตัวทั้งหมดเข้ามา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา 

 

ขณะที่การตรวจสอบเส้นทางการเงิน มีตำรวจที่พัวพันในคดี ให้การว่า ขนเงิน 20 ล้านบาท ใส่กระเป๋านำไปส่งให้บุคคลอื่น ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ล่าสุดชุดสืบสวนเจอกระเป๋าใบดังกล่าวแล้ว กำลังนำเข้ามาตรวจพิสูจน์หลักฐาน และเก็บลายนิ้วมือ ส่วนเงินในกระเป๋า พบว่าถูกโอนเข้าบัญชีให้บุคคลหนึ่ง โดยมีการถอนออกไปแล้ว 16 ล้านบาท เหลือค้างบัญชี 4 ล้านบาท ตอนนี้ชุดสอบสวนกำลังนำตัวผู้เกี่ยวข้อง เข้ามาให้ข้อมูลเส้นทางการเงิน

 

นอกจากนี้ ข้อมูลของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่บอกว่า นายวีระ นาทรัพย์ หรือบอย  ร่วมกับ พล.ต.ต.กัมพล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ร่วมกันศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส. และนายบอย  เป็นคนคัดเลือกตำรวจชุดนี้ด้วย เป็นข้อมูลที่เกินความคาดหมายว่า พลเรือนคนหนึ่ง จะสามารถเข้ามามีอำนาจในวงการตำรวจขนาดนี้ได้ ซึ่งแหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า ก่อนนายบอยจะมีบารมีในวงการตำรวจขนาดนี้ เคยเริ่มต้นทำบ่อนไก่ชนมาก่อน และปัจจุบัน ปล่อยกู้ให้คนเกาะล้านจำนวนมา 

 

แม้ข้อมูลที่เปิดเผยจะระบุว่า นายวีระ นาทรัพย์ หรือบอย เป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยว เป็นคนประสาน บริษัททัวร์จีน และไกด์ทัวร์นำเที่ยวชาวจีน เป็นผู้กว้างขวางในหมู่นักธุรกิจนำเที่ยวชาวจีน แต่ชาวบ้านในละแวกบ้านของนาย “บอย” จำนวนไม่น้อย ในตำบลหนองปลาไหล อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีมักเข้าใจว่านายบอย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะการตัดผมสั้นเกรียน และแต่งตัวเหมือนตำรวจ อีกทั้งรู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ทำให้ชาวบ้านคิดว่า นายบอยนั้นเป็นตำรวจจริงๆ อย่างเช่น ชาวบ้านคนนี้ ที่บอกว่า นายบอย ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่รู้ว่าเคยทำธุรกิจอะไรมาบ้าง แต่ที่รู้คือนายบอย เคยทำบ่อนไก่ชนในบริเวณบ้านของตัวเอง เมื่อช่วง 4-5 ปี ก่อน แต่เพิ่งมาหยุดในช่วงโควิด-19 ระบาด หลังจากนั้น ก็ปิดบ่อนไก่ และปลูกต้นไม้แทน 

 

นายบอย น่าจะเป็นที่เกรงขามของบรรดาตำรวจในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และตำรวจในพื้นที่ตำรวจภาค 2 เหมือนที่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์เมื่อวาน เนื่องจากผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามตำรวจในพื้นที่ แต่ถูกปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล แต่ก็มีตำรวจบางนาย ที่ให้ข้อมูลว่า นอกจากทำธุรกิจท่องเที่ยวเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวชาวจีนแล้ว นายบอย ยังทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ในเกาะล้านอีกด้วย ซึ่งมีลูกหนี้ที่ทำธุรกิจอยู่ในเกาะล้านจำนวนมาก กู้เงินของนายบอย

 

การปล่อยเงินกู้ของนายบอย ทำให้เขาเติบโต รู้จักคนมีสี ผู้มีตำแหน่งใหญ่โต กระทั่งเคยเป็นหน้าเสื่อให้กับเจ้าของธุรกิจตู้สล็อตรายใหญ่ของภาคตะวันออก และเป็นคนที่คอยเคลียร์ให้กับคนในธุรกิจสีเทา โดยข้อมูลนายบอยที่ถูกบันทึกอย่างเป็นทางการก่อนหน้านี้ คือ เมื่อปี 2557 มีประวัติเคยถูกจับกุมคดีตู้สล็อตเตรียมเปิดเล่นในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ครั้งนั้น พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ขณะนั้น เป็นผู้แถลงข่าวด้วยตนเอง โดยนายวีระ ถูกจับกุมพร้อมพวกรวม 8 คน ยึดของกลางตู้สล็อต 60 ตู้ มูลค่าเกือบ 5 ล้านบาท ซึ่งการสอบปากคำนายวีระ ในตอนนั้นให้การอ้างว่า เป็นหลานชายของนายทหารระดับ “เสธ.” สังกัดค่ายทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้ร่วมหุ้นกับนายทุนหลายคน มาเช่าอาคารพาณิชย์เพื่อเก็บตู้สล็อตดังกล่าวไว้รอเปิดให้บริการในพื้นที่เมืองพัทยา โดยครั้งนั้นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ มีลูกชายนายตำรวจระดับผู้บังคับการจังหวัดด้วย

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/A-MuoDLyTm4