“น้องหยก” ปีนรั้วอีกแล้ว ! ยันอยากกลับไปเรียน พร้อมปรับหาก รร. หาจุดร่วม

เช้านี้ที่หมอชิต - ไปติดตามความสืบเนื่องกรณี น้องหยก เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อายุ 15 ปี ทำอารยขัดขืนระเบียบของโรงเรียนด้วยการทำสีผม และใส่ชุดไพรเวตไปเรียนหนังสือ จนถูกโรงเรียนสั่งห้ามเข้า และอาจไม่ได้เรียนต่อในโรงเรียนที่สอบได้นั้น

 

เมื่อวานนี้ น้องหยก แต่งกายด้วยชุดไพรเวตเดินทางไปโรงเรียน และก็ต้องปีนรั้วเข้าโรงเรียนอีกครั้ง เพื่อเข้าเรียน เพราะทางโรงเรียนยังมีเงื่อนไขเรื่องสถานภาพของน้องหยก ที่ไม่มีผู้ปกครองตามกฎหมายมาเป็นผู้มอบตัวทันตามเวลาที่โรงเรียนกำหนดไว้คือ วันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ประกอบกับโรงเรียนให้เหตุผลว่า น้องหยก แต่งตัวผิดระเบียบ ย้อมสีผม มีพฤติกรรมขัดกับระเบียบโรงเรียนหลายครั้ง ทางโรงเรียนจึงไม่อนุญาตให้เข้าในโรงเรียน จนเกิดเป็นข้อถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง

 

ทั้งนี้ น้องหยก ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับผู้ปกครองว่า ปกติอยู่กับคุณแม่เป็นหลัก แต่ติดต่อคุณแม่ยากมาก

 

ส่วนคุณพ่อไม่ได้ติดต่อมานานมากแล้ว หลังจากที่โดนจับกุมตามคดีอาญามาตรา 112 คุณแม่ได้มอบหมายให้ นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือ เก็ท เป็นผู้ปกครองผ่านทางโทรศัพท์ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าหากโรงเรียนขอให้ปฏิบัติตามกฎโรงเรียนเพื่อจะได้เข้าเรียน ยินยอมหรือไม่ น้องหยก ตอบว่าต้องหาจุดร่วมกันคนละครึ่งที่เหมาะสม

 

ตนเองคิดว่าชุดนักเรียนเป็นอำนาจนิยมอย่างหนึ่ง ซึ่งมีความพยายามแก้ไขมาหลายสมัย ที่ผ่านมาก็มีหลาย ๆ คนไม่เห็นด้วยอยู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม หากโรงเรียนยื่นข้อเสนอให้แต่งชุดนักเรียน จึงกลับไปเรียนได้ ก็แสดงว่าการที่ไล่ตนออกเป็นเพราะเครื่องแต่งกายและเรื่องทรงผม ซึ่งไม่ใช่เรื่องการมอบตัว จึงควรมาคุยกันด้วยข้อเท็จจริงมากกว่า

 

ขณะที่ บุ้ง เนติพร หรือ บุ้ง ทะลุวัง ซึ่งมากับ น้องหยก ในฐานะตัวแทนผู้ปกครองพูดถึงกรณีการมอบตัวว่า ก่อนหน้านี้เคยแจ้งกับทางโรงเรียนแล้วว่า บุ้ง ขอเป็นผู้ปกครองน้อง เพราะติดต่อพ่อและแม่ของน้องไม่ได้เลย ซึ่งทาง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เข้ามาพูดคุยเจรจากับโรงเรียน เรื่องการมอบตัว น้องหยก แล้วจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงยังมีปัญหาขึ้น

 

ขณะที่ คุณอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กถึงกรณี โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนา ออกแถลงการณ์กรณี หยก ไม่มีผู้ปกครองเป็นผู้มอบตัวว่า โพสต์นี้อาจไม่ถูกใจบางคน ในฐานะคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ต้องยืนยันหลักการตาม แถลงการณ์ของโรงเรียน คือ การรายงานตัวที่ต้องมีผู้ปกครอง (ตามกฎหมาย) ซึ่งในส่วนของ ผู้เยาว์ - minor ตามกฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศให้ความสำคัญกับ ผู้ปกครอง มาก และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินการต่าง ๆ ต่อเด็ก (อายุต่ำกว่า 18 ปี) ไม่ใช่ให้ใครก็ได้มาเป็นผู้ปกครองแทน ซึ่งตามกฎหมายผู้ปกครอง คือ พ่อแม่ หากพ่อแม่ไม่มีความสามารถ หรือเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ หรือกรณีที่เด็กไม่มีพ่อแม่ รัฐมีหน้าที่ต้องให้ความคุ้มครองต่อเด็ก

 

พร้อมกันนั้น ยังเรียกร้องว่า กรณีของหยก ผู้ปกครอง (แม่) ควรออกมาการปกป้องสิทธิเด็ก และดำเนินการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก