ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยืนยันให้ความเป็นธรรมกรณีตรวจสอบความผิดตามมาตรา 151 ของพิธา ส่วนช่วงสัปดาห์หน้า รอลุ้นประกาศรับรองผล
กกต. เดินหน้าไต่สวน “พิธา” ปมมาตรา 151
วันนี้ (16 มิ.ย.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการไต่สวนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กรณีถือครอบครองหุ้นไอทีวี ที่ถูกโยงเป็นเป็นเรื่องความผิดตามมาตรา 151 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. เหตุรู้อยู่แล้ว ไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังฝ่าฝืนว่า ตอนนี้เข้าสู่กระบวนการของคณะกรรมการไต่สวนสืบสวนแล้ว โดยให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
ส่วนคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา จะเรียกเอกสาร หรือเชิญใครมาให้ปากคำ ถือเป็นอำนาจอยู่แล้ว โดยขอยืนยันว่า กกต. จะไม่แทรกแซงการไต่สวน ส่วนกรอบระยะเวลาการดำเนินการ ตามระเบียบระบุไว้ 20 วัน แต่ถ้าหากไม่เพียงพอ สามารถขอเพิ่มได้ครั้งละ 15 วัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเรียกร้องให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัตินายพิธา ตามมาตรา 82 เพื่อให้เกิดความชัดเจน ก่อนการลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น นายอิทธิพร ระบุว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่ผ่านการพิจารณาของ กกต. จึงยังพูดไม่ได้ เช่นเดียวกับการแจกใบเหลือง หรือใบส้ม ต้องพิจารณาจากผลการสืบสวนไต่สวนของคณะกรรมการแต่ละจังหวัด ที่ส่งมายัง กกต. ว่า จะต้องนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งใหม่หรือไม่
ลุ้นประกาศรับรอง สส. ช่วงสัปดาห์หน้า
ส่วนกระบวนการพิจารณารับรอง สส. จะประกาศผลได้ 100% หรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และหลักฐานที่ทาง กกต. พิจารณา รวมถึงต้องรับฟังรายงานผู้ตรวจการเลือกตั้งด้วย ฉะนั้น ถ้ามีข้อมูลครบถ้วน คาดว่า จะประกาศรับรองผลได้ช่วงสัปดาห์หน้า ส่วนเอกสารที่หลุดออกมา ที่มีข้อมูลว่า 71 เขตเลือกตั้ง ยังมีเรื่องคัดค้านนั้น เป็นเอกสารจริง ไม่ใช่เอกสารลับอะไร
หลากหลายความเห็นปม “ไอทีวี”
ส่วนกรณีคณะกรรมการบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ชี้แจงเกี่ยวกับการบันทึกรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 โดยกรณีที่มีถกเถียงว่า ไอทีวี ยังทำธุรกิจสื่ออยู่หรือไม่ มีคำชี้แจงว่า บริษัทไม่ได้ต้องการจะสื่อสารว่า บริษัทยังประกอบกิจการสื่ออยู่ แต่หมายถึง บริษัทยังคงดำเนินการอยู่ ภายใต้วัตถุประสงค์ที่บริษัทได้จดทะเบียนไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยมิได้มีการเลิกกิจการแต่อย่างใด ส่วนงบการเงินไตรมาส 1 ประจำปี 2566 เป็นเพียงงบการเงินที่ใช้ภายในบริษัท และยังไม่มีการสอบทาน หรือตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบบัญชี จึงไม่สามารถนำไปอ้างอิง หรือใช้งานภายนอกบริษัทได้ และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายนั้น
เมื่อคำชี้แจงดังกล่าวถูกเผยแพร่ ได้มีความเห็นหลากหลายแตกต่างกัน เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทวิตข้อความว่า นี่อาจจะเป็นการส่งสัญญาณตัดตอนลอยแพเหล่าลูกสมุน เพื่อเซฟผู้บงการ นับจากนี้ต่างคนต่างเอาตัวรอดกันเอง แต่อย่าให้เรื่องพันมาถึงนายก็แล้วกัน
ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ITV : บริษัทยังคงดำเนินการอยู่ ภายใต้วัตถุประสงค์ที่บริษัทได้จดทะเบียนไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยมิได้มีการเลิกกิจการแต่อย่างใด ชัดไหม
ยันสถานะ “ไอทีวี” ยังดำเนินการอยู่
ด้าน นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงเรื่องสถานะของ ไอทีวี ว่า ปัจจุบันมีสถานะยังดำเนินกิจการอยู่ และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นสถานะอื่นใด เช่น จดทะเบียนเลิก พิทักษ์ทรัพย์ ล้มละลาย หรือถูกขีดชื่อออกจากทะเบียน เป็นต้น ดังนั้น สถานะยังดำเนินกิจการอยู่ จึงเป็นการบอกว่า นิติบุคคลได้ถูกจัดตั้ง และมีตัวตนอยู่ตามกฎหมาย แต่ไม่ได้หมายความว่า มีการทำกิจการ หรือประกอบกิจการทางการค้าใด ๆ หรือไม่
“เรืองไกร” อ้าง “ภรรยา” เป็นผู้ใหญ่ใจดีซื้อรถหรูให้
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี นายวีระ สมความคิด ทวงถามความคืบหน้าในการตรวจสอบตนเองต่อ ป.ป.ช. ทั้งกรณีกล่าวหารับแคชเชียร์เช็ค 25 ล้านบาท และรถยนต์หรูจากผู้ใหญ่ใจดีว่า ผู้ใหญ่ใจดีที่ตนเองพูดถึง คือ ภรรยาสุดที่รัก ที่มีเงินจากการเกษียณ และพร้อมให้ทาง ป.ป.ช. ตรวจสอบ หากจะเรียกภรรยาไปชี้แจง ก็พร้อมให้ความร่วมมือ แต่ต้องระบุให้ชัดเจนว่า จะเรียกไปในฐานะอะไร และใช้กฎหมายอะไร
รอ “ก้าวไกล” ตอบกลับปมตำแหน่งประธานสภาฯ
ปิดท้ายที่ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคแกนนำที่ต้องประสานกัน โดยทางเพื่อไทยได้บอกวัตถุประสงค์ และความคิดไปแล้ว ซึ่งพรรคก้าวไกลได้รับไปพิจารณา และตอนนี้ยังไม่ตอบกลับมา ซึ่งเรายังรออยู่ เพราะให้เกียรติพรรคแกนนำ
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35