ครูสาวร้อง ! พ่อถูกตำรวจ ขับฝ่าไฟแดงชนเจ็บสาหัส ไม่รับผิดชอบ | เบื้องหลังข่าว กับ กาย สวิตต์

235 ครั้ง

16 มิ.ย. 2566

แชร์ข่าวไปที่

มีครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ ร้องขอความช่วยเหลือมาทางรายการถกไม่เถียง ขอให้ช่วยให้ความเป็นกับพ่อตนเองด้วย เรื่องมีอยู่ว่า พ่อได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถฝ่าไฟแดงมาชน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้ ผ่านไป 3 เดือนคดีไม่มีความคืบหน้า

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 05.30 น. บริเวณสี่แยกบ้านแก่งนาขาม ตำบลนาจารย์ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ นายมวลน้อยวิชัย บิดา ขี่รถรถจักรยานยนต์กลับจากนาถึง 4 แยก เพื่อไปบ้านแต่ถูกรถยนต์เก๋งคู่กรณี ซึ่งคนขับเป็นตำรวจ ยศดาบตำรวจโรงพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ จังหวัดร้อยเอ็ด ฝ่าสัญญาณจราจรไฟแดงชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ของบิดา ทำให้นายมวยตกจากรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บสาหัส และส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ รักษาตัวกว่า 10 วัน ได้รับบาดเจ็บกระดูกสันหลังยุบ กระดูกเชิงกรานแตก กระดูกขาแตก ปัจจุบันไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ไม่สามารถกลับไปทำงานได้เหมือนเดิม ซึ่งบิดาเป็นเสาหลักของบ้านทำให้ขาดรายได้ และคู่กรณียังไม่ได้มาเยียวยารับผิดชอบใด ๆ

ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 65 บ้านแก่งนาขาม หมู่ 5 ตำบลนาจารย์ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ พบกับนางสาวสุนิสา น้อยวิชัย อายุ 30 ปี ผู้ร้องเรียน และนายมวย น้อยวิชัย ผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยนายมวย น้อยวิชัย ผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ไปนอนที่ไร่เพื่อเฝ้าวัวที่เลี้ยงไว้ จากนั้นเวลาประมาณ 05.00 น. ตนเองได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพักในหมู่บ้านแก่งนาขาม โดยขี่จักรยานยนต์มาเพียงคันเดียว เมื่อถึงสี่แยกบ้านแก่งนาขามพบสัญญาณไฟแดงตนจึงหยุดรถเพื่อรถสัญญาณไฟ พอสัญญาณไฟขึ้นสีเขียว ตนเองจึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ข้ามไปอีกฝั่ง จู่ ๆ ก็มีรถยนต์ขับฝ่าไฟแดง มาจากทางอำเภอสมเด็จ มุ่งหน้าไปทางอำเภอเมือง ได้ชนกับรถจักรยานยนต์ของตนเอง ทำให้ร่างตนเองกระเด็นออกจากรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ต่อมามีผลเมืองดีเข้าให้การช่วยเหลือ พร้อมแจ้งหน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ให้กลับบ้านแพทย์ระบุว่าไม่มีจุดแตกหรือจุดหัก แต่ตนมีอาการปวดขาขอนอนรักษา แต่แพทย์ก็ไม่ยอมให้นอน จากนั้นกลับมาอยู่บ้านลุกไม่ได้ ต้องนอนอยู่ท่าเดียวประมาณ 3 วัน จากนั้นตนเองทนอาการปวดไม่ไหว จึงขอไปตรวจอีกครั้งพบว่า กระดูกสันหลังยุบ กระดูกเชิงกรานแตก กระดูกขาแตก ได้เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 10 วันและนัดไปตรวจรักษาเรื่อย ๆ

ส่วนคู่กรณีได้ไปเยี่ยมตนเองระหว่างการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล 1 ครั้ง และให้เงินเพื่อให้เป็นค่าเดินทางไปหาหมอจำนวนเงิน 3,000 บาท และหลังจากนั้นก็มาเยี่ยมที่บ้าน 1 ครั้ง แต่ไม่ได้ช่วยเหลือหรือเยียวยาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของคดีผ่านมา 3 เดือน ไม่มีความคืบหน้า โทรไปถามกับพนักงานสอบสวน ก็ได้คำตอบว่าจะติดตามให้แต่ก็เงียบหาย กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคู่กรณีเป็นถึงตำรวจอีกอย่างรถของคู่กรณีไม่มี พรบ.อีกด้วย

ด้านนางสาวสุนิสา น้อยวิชัย อายุ 30 ปี ลูกสาวผู้บาดเจ็บ กล่าวว่าจากการตรวจสอบ พบว่าในบันทึกประจำวันไม่ได้ระบุว่ารถเก๋งฝ่าไฟแดง และไม่ได้นำรถของคู่กรณีเข้าโรงพัก อีกทั้งรถเก๋งคู่กรณีไม่มี พรบ. และไม่ได้ต่อภาษี แต่ไม่มีการเปรียบเทียบปรับ แต่กลับให้นำรถไปขับใช้งานต่อ เกรงคู่กรณีเป็นถึงตำรวจพ่อตนเองจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ตอนนี้ไม่มีการออกหมายเรียก เวลาเราติดต่อไปขอพบผู้กรณีพนักงานสอบสวนบอกจะออกมาสอบสวนที่บ้านก็ไม่มา ตนจะพาพ่อไปที่โรงพักก็ไม่ให้ไป ส่วนตนเองยืนยันมีหลักฐานกล้องวงจรปิดและส่งมอบให้พนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว พ่อตนเองเป็นเสาหลักของครอบครัวสูญเสียรายได้ประมาณเดือนละ 15,000-20,000 บาท จากการประกอบอาชีพ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง พันตำรวจโท สุเทพ ภูกัณหา รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนได้ให้ข้อมูลว่า ได้ติดตามความคืบหน้ากับ ร้อยตำรวจโท พิพัฒน์วงศ์ มหาชัย ร้อยเวรเจ้าของคดีได้รายงานว่า ซึ่งหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ได้ดำเนินการตามขั้นตอนอยู่ตลอด และช่วยไกล่เกลี่ยให้เต็มที่ พร้อมติดตามเรื่องอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นได้นัดคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเจรจากันแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ และภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ จะนัดมาเจรจากันอีกครั้ง และหากไม่สามารถตกลงกันได้จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และหากไม่มาช่วยเหลือคู่กรณีเจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35