อนุทิน พร้อม พล.อ. ประวิตร ประสานเสียงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กรณียื่นตรวจสอบปมถือหุ้นไอทีวีของ นายพิธา แต่เป็นแค่เรื่องส่วนบุคคลเท่านั้น
ยัน “ภูมิใจไทย” ไม่เกี่ยว “นิกม์-เรืองไกร” แฉปมหุ้น
มากันที่ความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทยกันบ้าง หลังจากมีชื่อ นายนิกม์ แสงศิรินาวิน ผู้สมัคร สส. กรุงเทพฯ ของพรรค เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่น ๆ ปมถือครองหุ้นไอทีวีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงว่า การนำรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นไปเผยแพร่ เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องพรรคภูมิใจไทย และตลอดเวลาที่นายนิกม์ อยู่กับทางพรรค เป็นการพูดคุยเรื่องหาเสียงเท่านั้น ไม่ได้มีพูดคุยเรื่องอื่นแน่นอน
ส่วนกรณีนายนิกม์ บอกว่าถูกทางพรรคตำหนิ ไม่เป็นความจริง โดยหลังจากนี้จะมีการเรียกตัวนายนิกม์ เข้ามาสอบถามข้อเท็จจริง แต่ขอย้ำว่า ทางพรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะหากเป็นการดำเนินการของพรรค ต้องผ่านความเห็นจากหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคเสียก่อน รวมถึงไม่เกี่ยวข้องกับ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพราะไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาชกใต้เข็มขัดแบบนี้
แจง “เรืองไกร” ยื่นปมหุ้นเป็นเรื่องส่วนตัว
ขณะที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตอบคำถามเรื่องนายเรืองไกร ยื่นร้องเรียนเรื่องหุ้นไอทีวีว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่มติของพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายเรืองไกร ยื่นเรื่องให้ กกต. ตรวจสอบนายพิธา เกรงว่าทางพรรคจะถูกโยงไปด้วย หรือไม่ และจำเป็นต้องเรียกนายเรืองไกร เข้ามาพูดคุยหรือเปล่า พล.อ. ประวิตร ย้ำว่า การร้องเรียนของนายเรืองไกร ถือเป็นเรื่องส่วนตัว เมื่อถามถึงโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี ทาง พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาล
“ประยุทธ์” ไม่ขอก้าวล่วงคดีไอทีวี
ด้าน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงคดีความระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กับบริษัทไอทีวีว่า มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอยู่แล้ว อย่าลืมว่ารัฐบาลถืออำนาจฝ่ายบริหาร ส่วนอำนาจนิติบัญญัติ และตุลาการ เป็นคนละอำนาจ ใครอยู่ตรงไหนก็ทำตรงนั้น ถ้าใครไปก้าวล่วง ก็จะยุ่งไปทั้งหมด
“ทักษิณ” กลับไทยต้องถูกดำเนินคดี
ส่วนกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางกลับไทยนั้น พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อกลับมาแล้ว ก็ต้องดำเนินคดี แล้วถือว่าจบ เพราะอยู่ในขั้นตอนตามกฎหมาย และตนเองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น โดยขอย้ำว่า ไม่ใช่ศัตรูของใคร
ชี้ “งบการเงิน” หลักฐานสำคัญฟันปมหุ้น “พิธา”
ไปกันที่ความเห็นของ นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาวิเคราะห์เรื่องคลิปบันทึกการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวี ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในเอกสารบันทึกการประชุมว่า ทั้งเรื่องพยานหลักฐานคลิปวิดีโอ และเอกสารบันทึกการประชุม ไม่ได้เป็นพยานหลักฐานสำคัญว่า ไอทีวี ยังประกอบกิจการสื่ออยู่หรือไม่ เพราะการพิจารณาว่า กิจการใด เป็นกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใด ๆ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ต้องพิจารณาจากสภาพความเป็นจริง ตามวัตถุประสงค์ของกิจการ มิใช่รับฟังจากการถามตอบในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเท่านั้น
ส่วนตัวมองว่า คลิปการประชุมผู้ถือหุ้นที่ถูกนำมาเผยแพร่ เป็นหลักฐานสำคัญมัด ไอทีวี ว่า ยังมีตัวตนประกอบกิจการสื่ออยู่ ถ้าหากพิจารณาจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ช่วงที่ผ่านมา จะพบว่า หลักฐานสำคัญที่ศาลฯ ให้น้ำหนัก คือ งบการเงิน รายได้ที่มาจากการประกอบกิจการสื่อหรือไม่ เป็นตัวชี้วัดว่า หุ้นของบริษัทที่ถืออยู่ เป็นหุ้นสื่อหรือไม่ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบ ไม่ใช่นำประเด็นอื่น ที่ไม่ใช่สาระเข้ามากลบข้อเท็จจริง
“พิธา” หารือสมาพันธ์ SME
ปิดท้ายที่ความเคลื่อนไหวของนายพิธา วันนี้ได้เดินทางไปประชุมร่วมกับ นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ SME ไทยและคณะ โดยนายพิธา มีสีหน้ายิ้มแย้มตามปกติ พร้อมระบุว่า จะเป็นปากเป็นเสียง และช่วยสนับสนุนพี่น้อง SME โดยจะมีการทำการบ้านอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ในละแวกอาเซียนอย่างมาเลเซีย เพื่อดูว่าช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ภาพของ SME ไทยอยู่ตรงไหน
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35