หนุ่มร้อง ซื้อรถ 5 คัน แต่ได้รถทิพย์ แถมถูกปลอมลายเซ็น จนเป็นหนี้ 17 ล้าน !

นักธุรกิจหนุ่มร้อง สั่งซื้อรถบรรทุก 5 คัน แต่กลับไม่ได้รับรถสักคันเดียว ซ้ำร้าย ไฟแนนซ์ยังเดินสัญญาโดยที่ยังไม่ทันได้แตะรถ ต้องผ่อนงวดรถทิพย์ แถมยังถูกปลอมลายเซ็นเอกสารรับรถ จนนำไปสู่การถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกว่า 17 ล้าน !

 

 

            วันที่ 7 มิ.ย. 66 เจด็จ พลอยครุฑ (เด็จ) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า วันที่ 11 พ.ย. 64 ตนได้วางเงินจองสำหรับสั่งซื้อรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ จำนวน 5 คัน เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ทำสัญญากันเรียบร้อย โดยมีกำหนดส่งรถ 25 ก.พ. 65 และจ่ายเงินดาวน์ในวันรับรถ ทว่าเมื่อถึงวันรับรถอู่กลับบอกว่ารถยังไม่เสร็จเพิ่งทำได้ 50% ตนจึงยกเลิกเช็คเงินสดไปก่อน และเซลได้นัดรับอีกครั้งวันที่ 27 มี.ค. 65 แต่เมื่อถึงวันรับรถ ก็ยังไม่เสร็จตนต้องยกเลิกเช็คเงินสดอีกครั้ง และได้ถามเซลต่อว่าจะให้ตนทำออย่างไรต่อ เพราะตนเซ็นเช็คค้ำประกันมา 2 รอบแล้ว โดยทางบริษัทรถได้ให้เซลเป็นคนตัดสินใจ  ซึ่งเซลก็ได้เสนอมาว่าให้นำเงินสดมาจ่าย ณ วันที่รับรถ ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร 

 

            ขณะที่ วันที่ 2 เม.ย. 65 ไฟแนนซ์โทรมาบอกตนว่า สัญญาที่ตนทำไว้ตอนจองรถมันกำลังจะหมด เขาจะเดินสัญญาการผ่อนค่างวดรถเลย แต่ตนได้ทักท้วงไป ว่าจะเดินสัญญาได้ยังไงเพราะตนยังไม่ได้รับรถ จากนั้นเขาก็เงียบไป พอผ่านไป 2 เดือน กลับมีจดหมายมาเรียกเก็บค่างวดรถจากตน ทั้งนี้ในสัญญาที่ตนทำไว้ มันเป็นโปรโมชัน โดยทางไฟแนนซ์จะจ่ายค่างวดรถให้ 2 เดือน ซึ่งใบเสร็จค่างวดรถของตนที่ไฟแนนซ์ส่งมา เขาก็จ่ายโปรโมชันดังกล่าวให้แล้ว โดยที่ตนได้ยืนยันว่าอย่าเพิ่งให้สัญญาเดิน เพราะยังไม่ได้รับรถ นอกจากนี้วันที่ 11 พ.ค. 65 ตนได้ทำการกู้สินเชื่อจากธนาคารหนึ่งจำนวน 1 ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติ ก่อนจะมีการตรวจสอบว่ามีเช็คของตนเด้ง ทำให้ไม่ได้รับเงิน โดยเช็คของตนเด้งมาจากบริษัทรถดันเอาเช็คที่ตนสั่งอายัดเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 65 ของตนไปขึ้นทำให้ตนพลาดเงินก้อนนี้ไป จึงได้ให้บริษัทรถทำเรื่องอุทธรณ์ แต่ผ่านไปเขาก็ยังไม่ยอมทำ 

 

            หลังจากนั้นวันที่ 20 ก.ค. 65 ตนรู้สึกไม่ชอบมาพากล จึงได้ทำหนังสือยกเลิกสัญญาการรับรถ โดยให้เขายึดเงินจองไปเลย แต่เรื่องก็ยังไม่จบแค่นั้น 31 ก.ค. 65 มีหมายศาลส่งมาที่บ้าน แจ้งความคดี พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โดยในหมายระบุว่า ตนจงใจทำให้เช็คเด้ง และระบุอีกว่าตนรับรถของเขามาแล้ว 5 คัน ตั้งใจทุจริตยักยอกรถเขา โดยเรียกร้องค่าเสียหาย 17.2 ล้านบาท อีกทั้งวันที่ 5 ต.ค. 65 ไฟแนนซ์ส่งหนังสือเตือนเหตุค้างชำระค่ารถ 4 งวด ทั้งที่เขาก็รู้ว่าตนยังไม่ได้รับรถ แต่อ้างว่าทำตามเอกสาร ต่อมาวันที่ 1 ธ.ค. 65 ไฟแนนซ์ส่งหนังสือยกเลิกสัญญา พร้อมระบุว่ายึดรถตนไปขายทอดตลาดแล้ว ตนต้องจ่ายค่าส่วนต่างประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยที่ตนยังไม่เคยได้แตะรถเลย อีกทั้งยังมีการปลอมเอกสารรับรถ โดยเป็นลายเซ็นเอกสารปลอม อีกทั้งยังไม่มีตรายางของบริษัท

 

 

            ทั้งนี้ได้สู้คดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ตนชนะแล้ว คดีเป็นอันสิ้นสุด ทว่ามันก็ยังมีปัญหาอยู่ จากการที่ถูกไฟแนนซ์ฟ้องร้อง ทำให้ตนเองติดเครดิตบูโร เกิดความเสียหายต่อธุรกิจของตนเองอย่างมาก จนหมดหนทางที่จะไปต่อ จึงอยาร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อ ตนอยากให้ทางไฟแนนซ์ถอนเครดิตบูโรของตนโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ และเยียวยาเงินในส่วนที่ตนเรียกร้องไปในตอนแรก เพราะว่าตนคุยเรื่องนี้มานานกว่า 17 เดือนแล้ว และตนต้องการซื้อรถเพื่อมาขยายกิจการต่อ ไม่ใช่เพื่อมาเป็นคดี

 

 

            ด้าน รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า ปกติแล้วการซื้อขายรถประเภทนี้ สัญญามันจะเดินวันที่มีการรับมอบรถ ซึ่งในกรณีสัญญามันเดินไปแล้ว แสดงว่ามีการส่งมอบรถไปแล้ว ต้องไปดูย้อนหลังว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีการส่งมอบกันจริงไหม ทั้งนี้ในตัวคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ของศาลฎีกา กับศาลชั้นต้น เขาลงเอาไว้ว่าเช็คที่เราเอาไปตีจ่าย ถือว่าไม่มีมูลหนี้ตามกฎหมาย เพราะมันมีการสู้พิสูจน์มาแล้วว่ามันไม่มีการส่งมอบรถ ซึ่งตนก็ยังสงสัยอยู่ว่าบริษัทรถส่งมอบรถ 5 คัน มูลค่ากว่า 18 ล้าน เขาไม่ถ่ายรูปเก็บไว้เลย แต่กลับมีเอกสารการรับรถ

 

            สำหรับการรับผิดชอบนั้น ก็ต้องไปคุยกับอีกฝ่ายว่าจะเอายังไง ถ้ายังเถียงกันอยู่ว่าส่งมอบรถหรือไม่ส่งมอบรถนั้น ตนแนะนำให้แจ้งความไปเลย เพราะเรื่องมันก็ไม่เดินไปข้างหน้า 

 

            ทั้งนี้ทีมงานรายการถกไม่เถียง ได้ติดต่อไปยังฝ่ายเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ที่เป็นประเด็นอยู่ ณ ตอนนี้ โดยได้รับข้อมูลว่า ตอนนี้บริษัทกำลังตรวจหาข้อเท็จจริง โดยจะทราบข้อมูลที่เท็จจริงภายในวันที่ 8 มิ.ย. 66 ซึ่งจะติดต่อกลับมาหาทีมงาน อีกทั้งยังให้ข้อมูลว่าทางบริษัทยังไม่ได้ทำการฟ้องร้องใด ๆ กับผู้เสียหายทั้ง 2 คน