“เรืองไกร” ยื่นสอบ ! ปม “พิธา” เทขายหุ้นสื่อ ด้าน “พิธา” ไม่หวั่นพร้อมสู้

397 ครั้ง

06 มิ.ย. 2566

แชร์ข่าวไปที่

เรืองไกร ตามกัดไม่ปล่อย ยื่น กกต.ตรวจสอบปม พิธา เทขายหุ้นสื่อ ระบุความผิดสำเร็จแล้ว ทำขาดคุณสมบัติเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

เรืองไกร ยื่นสอบปม พิธา เทขายหุ้นสื่อ

ยังคงเป็นประเด็นที่คอการเมือง ต้องเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด สำหรับกรณีถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยวันนี้ (6 มิ.ย.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนายพิธา เทขายหุ้นบริษัทไอทีวี 42,000 หุ้นแล้ว จริงหรือไม่

โดย นายเรืองไกร เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลว่ามีการแอบเทขายหุ้นออกไป เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แม้จะเทขายหุ้นออกไปแล้ว แต่เป็นการขายหุ้นหลังวันรับสมัครเลือกตั้ง เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา หุ้นจำนวนดังกล่าวยังคงเป็นชื่อ นายพิธา อยู่เลย ฉะนั้นถือว่าการกระทำความผิดได้สำเร็จไปแล้ว ต้องขาดจากคุณสมบัติการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และ สส. รวมถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพราะผิดข้อบังคับของพรรค ข้อที่ 12 ว่าด้วยเรื่องการเป็นสมาชิกพรรค ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่น ตามที่รัฐธรรมนูญประกอบกิจการสื่อฯ อยู่

พิธา พร้อมสู้กรณีถือครองหุ้นสื่อ

ขณะที่ นายพิธา โพสต์เฟซบุ๊กบางช่วง ชี้แจงกรณีถือหุ้นสื่อว่า พร้อมสู้กับความพยายามคืนชีพ ITV เพื่อสกัดกั้นพวกเรา โดย ITV หมดสถานะความเป็นสื่อมวลชน ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2550 นับตั้งแต่นั้น มูลค่าหุ้นต่ำลง จนแทบไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ต่อมาวันที่ 16 มีนาคม 2550 ศาลแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของคุณพ่อ และตนเองได้รับมอบหมายจากทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของคุณพ่อ ให้รับโอนหลักทรัพย์ หนึ่งในนั้นคือหุ้นดังกล่าว อันเป็นกองมรดกถือครองไว้แทนทายาทเรื่อยมา

กระทั่งปี 2557 หุ้น ITV ถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพิกถอนหุ้นสามัญออกจากตลาดหลักทรัพย์ อันเป็นผลให้ไม่สามารถซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้อีก เมื่อตนเองเข้ามาทำงานการเมือง ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ก็ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินต่อ ป.ป.ช.อย่างเปิดเผย

ปัจจุบัน พรรคก้าวไกล ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนกว่า 14 ล้านเสียง ก็เชื่อว่ามีความพยายามคืนชีพ ITV เพื่อเล่นงานตนเอง จึงได้หารือทายาทอื่น จนสรุปร่วมกันว่าให้จัดการแบ่งมรดกหุ้น ITV ให้แก่ทายาทอื่นไปโดยสิ้นเชิง เพื่อป้องกันปัญหาจากกระบวนการฟื้นคืนชีพความเป็นสื่อมวลชน ให้กับบริษัท ITV ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้

โดยขอยืนยันว่าไม่ได้มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ และพร้อมจะชี้แจงต่อ กกต. เพื่อเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล โดยมีตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีให้สำเร็จ และไม่มีอำนาจไหน สกัดกั้นฉันทานุมัติของประชาชนได้

พิธา แจงตรวจสอบ ประยุทธ์ ไม่ใช่แก้แค้น

ขณะที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายพิธา เดินทางไปยังพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมประชุมคณะเปลี่ยนผ่าน 7 คณะ โดย นายพิธา เปิดเผยภายหลังว่า วันนี้มีการหารือเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าพลังงาน ค่าน้ำมันดีเซล ที่มีการจัดลำดับความสำคัญแต่ละเรื่อง ให้เข้าสู่กรอบแนวทาง ก่อนจะนำข้อสรุปเข้าสู่การประชุมระดับหัวหน้าพรรค ในวันพรุ่งนี้ (7 มิ.ย.)

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยัน ไม่ห่วงเรื่องการเช็กบิลตามหลังนั้น นายพิธา ระบุว่า ถ้าเป็นแบบนั้น อนุมานได้ว่า พล.อ. ประยุทธ์ ยินดีเข้าสู่ระบบการตรวจสอบ ทั้งเรื่องการรัฐประหาร มาตรา 44 และหลากหลายประเด็นที่กระทบต่อสิทธิมนุษยชน พร้อมยืนยันว่า ประเด็นเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่การแก้แค้น และไม่ใช่การเช็กบิล

อนุทิน ยืนยันไม่มีดีลลับจัดตั้งรัฐบาล

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า หลังจบการเลือกตั้งได้ไปปฏิบัติราชการที่ต่างประเทศ และลาราชการต่อเนื่อง โดยขอยืนยันว่า ไม่มีการพบปะหรือดีลลับอะไรกับใคร ส่วนตัวยังคงยืนกรานคำเดิมว่า พรรคการเมืองที่ได้คะแนนมากสุด จะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามว่า หากถึงวันที่ต้องโหวตนายกรัฐมนตรี แล้วมีการเรียกร้องสปิริตให้ฝั่งการเมืองเก่าโหวตให้ นายพิธา นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย มีนโยบายหาเสียงชัดเจน ดังนั้นต้องทำตามที่ได้ประกาศเจตนารมณ์เอาไว้

ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35