น้ำตาสิบโทท่วมค่าย อ้างถูกสาวหลอกแต่งงานปุ๊บ เลิกปั๊บ แถมหอบสินสอดหายวับ !

กลายเป็นประเด็นร้อน หลังสิบโทรายหนึ่งออกมาเล่าเรื่องราวสุดช้ำ แต่งงานกับสาวผู้ช่วยพยาบาลที่เจอกันผ่านแอปฯ ค่าสินสอด 1 แสนบาท แต่งได้ 7 วัน เจ้าสาวขอเลิก บอกอยู่ไปไม่มีความสุข ระทมหนักเงินสินสอดต้องกู้มาแต่ง สุดท้ายหายไม่ได้คืนสักบาท

 

 

            วันที่ 5 มิ.ย. 66 สุนัย ฟักเนียม (แกะ) พ่อของสิบโท ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนรู้ตั้งแต่ลูกชายเริ่มคบกับอดีตแฟนสาวแล้ว ตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค. จึงได้ถามว่าเขามีครอบครัวไหม ซึ่งผู้หญิงเขาก็มีลูกติดวัย 3 ขวบ จากนั้นลูกชายตนได้ไปบ้านของฝั่งผู้หญิงที่ จ.บุรีรัมย์ ผ่านไปได้ 2-3 วัน ลูกชายก็โทรมาหาตนว่าครอบครัวฝั่งผู้หญิงเขาอยากเจออยากคุยกับตน วันที่ 9 มี.ค. 66 ตนจึงได้เดินทางไปพบ ซึ่งเขาก็ต้อนรับตนอย่างดีกินข้าวกันดี จากนั้นฝ่ายผู้หญิงเขาก็บอกว่าตนต้อง "เสียผี" เป็นประเพณีของบ้านเขา โดยจะเอาจานเปล่ามาให้ตนใส่เงิน ตนจึงได้วางเงินใส่จานไป 2,000 บาท เขาก็เริ่มมองหน้าตนแบบไม่พอใจ จากนั้นเขาก็เริ่มคุยเรื่องแต่งงาน เงินสินสอดของลูก โดยทางฝั่งผู้หญิงเขาก็บอกว่าอยากแต่งงานไว ๆ แต่ตนก็ไม่มีเงินจึงบอกเขาว่าต้องไปกู้เงิน

 

            สุดท้ายเขาก็ให้ตนเขียนเป็นหนังสือสัญญาแต่งงาน โดยมีเงินมัดจำ 2,000 บาท และวันแต่งงานคือภายในปี 66 ค่าสินสอด 150,000 บาท ทอง 2 บาท หมู 1 ตัว 100 กก. เหล้า 2 ลัง เบียร์ 2 ลัง น้ำอัดลม 2 แพ็ค โดยเขาอ้างว่าประเพณีบ้านเขาฝ่ายชายต้องเป็นคนออกเงิน ซึ่งก็ได้เซ็นยอมรับ ทั้งนี้เขาได้ลดเงินสินสอดให้หากแต่งภายในเดือน มิ.ย. 66 โดยสินสอดจะเหลือ 100,000 บาท และทอง 1 บาท ทว่าลูกชายไม่สามารถกู้เงินจากไฟแนนซ์ได้ ตนจึงจัดการโอนชื่อรถของตนไปให้ลูก และนำรถไปเข้าไฟแนนซ์ ได้เงินออกมา 120,000 บาท จึงรีบไปซื้อทอง 1 บาท ในราคา 33,500 บาท ซึ่งทำให้เงินไม่พอตนจึงไปกู้นอกระบบมาอีก 20,000 บาท ซึ่งก็ได้ให้ลูกชายไปคุยกับฝั่งผู้หญิงว่าเงินก้อนนี้ขอคืน เพราะเรากู้เขามา ฝ่ายหญิงก็ตกลง 

 

            ต่อมาวันที่ 29 เม.ย. 66 วันแต่งงาน ตนพร้อมญาติอีก 21 คน ก็เดินทางไปงานจาก จ.สระบุรี ไป จ.บุรีรัมย์ จากสายตาที่เห็น งานก็ไม่ได้ใหญ่อะไร โต๊ะจีนที่เขาบอกจะมีก็เป็นโต๊ะที่ไปเช่าเขามา พร้อมกับข้าวก็เป็นพวกหมูที่ตนซื้อไป 100 กก. ส่วนดนตรีก็ไม่ได้ใหญ่อะไร ตนประมาณการค่าจ้างแค่ 5,000 ก็พอ มีนักร้อง 2-3 คน และแดนซ์เซอร์ 2 คน เครื่องดนตรีก็ไม่มี มีแต่อิเล็กโทน พระมาจัดพิธีก็ไม่มี เพราะเขานับถือผี เอาหัวหมู ไก่ตายมาปักธูป ขณะเดียวกัน ที่แม่ฝ่ายหญิงให้สัมภาษณ์ว่าลูกตนไปข่มขืนลูกเขา และไปกินนอนบ้านเขา 2 เดือน มันเป็นไปไม่ได้ เพราะลูกตนมีงานข้าราชการต้องทำ ส่วนเรื่องข่มขืน ตนมองว่าสมยอมหรือไม่ ส่วนเงิน 20,000 ที่ตกลงกันตอนแรก สุดท้ายเขาก็ไม่ให้ อ้างว่าพูดไปจำไม่ได้ 

 

 

            หลังจากตนรู้ว่าลูกชายเลิกกับแฟนสาวแล้ว ตนโทรไปหาแม่ฝ่ายเจ้าสาวก็ไม่รับโทรศัพท์ กลับไปบอกสื่อว่า ทำไมตนถึงไปออกสื่อไม่มาคุยกันดีดีก่อน สิ่งที่ตนต้องการคือในเมื่อเด็กเขาเลิกกันแล้ว  ตนขอสินสอดคืนสักครึ่งหนึ่ง เพื่อไปใช้หนี้เขาขอสัก 50,000 บาทก็ยังดี ตนประกอบอาชีพขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 5,000 บาท ตนอยากให้เขาเห็นใจหน่อย

 

            ด้าน สุ (นามสมมติ) แม่เจ้าสาว เล่าวว่า เรื่องเงินสินสอดที่เขาขอคืน 20,000 บาท ไม่ได้คุยกับพ่อฝ่ายชายเลย คุยแต่เพียงกับลูกสาว ซึ่งเงินมันก็ไม่เหลือ ส่วนเงินสินสอดที่พ่อฝ่ายชายขอคืน ตนใช้จ่ายค่าดนตรี ค่าของไปหมดแล้ว เป็นค่าดนตรี 12,000 บาท ค่าแม่ครัวอีก 12,000 บาท คนละ 2,000 บาท และก็พวกค่าเครื่องไฟ ค่าชุด ค่าฉากต่าง ๆ มีแต่แพง ๆ ทั้งนั้น รวมทั้งซื้อหมูเพิ่มอีก 1 ตัว เพราะแขกมาเยอะกว่า 80 คน ส่วนซองที่แขกใส่เงินให้นั้น ฝั่งลูกเขยก็เป็นคนเก็บไปบอกจะเอาไปแจกที่ค่ายทหาร แต่ก็ไม่ได้แจก สำหรับทองนั้นยังอยู่ แต่เป็นของเจ้าสาวเขา ตนยืนยันว่าไม่คืน เพราะมันเป็นค่าน้ำนมของแม่ และก็ใช้จ่ายในงานไปหมดแล้วด้วย

 

            ซึ่ง เพื่อนของลูกเขยมางาน ตนก็จ่ายค่าน้้ำมันให้คันละ 1,000 บาท อีกทั้งยังมานอนรีสอร์ทอีก 2-3 วัน ตนก็จ่ายให้ รวมทั้งตัวลูกสาว และลูกเขยตอนกลับ ตนก็ให้เงินไปอีก 20,000 - 30,000 บาท ติดตัวไป 

 

 

            ฟาก ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย สภาทนายความฯ เล่าว่า ในมุมกฎหมาย ถ้าสมมติว่าฝ่ายหญิง กับแม่ของเขา ได้มีการเตรียมแผนในลักษณะของการหลอกลวงปกปิดข้อความจริง ตั้งใจจัดฉากพิธีแต่งงานขึ้นมา ถ้าเป็นแบบนี้คุณแกะสามารถไปแจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงได้ แต่เรื่องนี้ต้องดูหลักฐานให้ชัดเจนเสียก่อน ว่าเขามีเจตนาชัดเจนตั้งแต่ต้นหรือเปล่า หรือมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนหรือไม่ 

 

            ส่วนเรื่องสินสอด เป็นค่าน้ำนมที่เราให้พ่อแม่ของฝ่ายหญิง ซึ่งถ้าไม่มีการตกลงในการขอคืนจะไม่สามารถขอคืนได้ ปกติแล้วจะให้แล้วให้เลย แต่ถ้าไปเกี่ยวข้องกับคดีอาญามันเรียกคืนได้ ขณะที่ของหมั้นคือทองถ้าฝ่ายหญิงไม่ได้ทำผิดสัญญาตอนหมั้นฝ่ายหญิงก็มีสิทธิ์เอาไปเลยได้ อย่างไรก็ตามตนมองว่าเรื่องนี้มันอยู่ที่การประณีประนอม หากคุยกันคืนเงินกันได้ก็จะดี ไม่ต้องไปเสียเวลาขึ้นโรงขึ้นศาล

 

            ด้าน สิบโท เจ้าบ่าว เล่าว่า ตอนกลับจากงานแต่งที่ จ.บุรีรัมย์ แม่ของฝ่ายหญิงให้เงินมา 20,000 จริง แต่ในเงินจำนวนนี้ได้จ่ายค่าห้องเช่าฝ่ายหญิงไป 5,000 บาท และค่าเช่าชุดเจ้าสาวอีก 3,500 บาท และค่าช่างภาพอีก 3,500 บาท ส่วนที่เหลือก็นำมาใช้ดำเนินชีวิตด้วยกันก่อนจะเลิกกันในเวลาต่อมา หลักฐานการจ่ายเงินทั้งหลายตนมีหมด

 

            ทั้งนี้ตนคิดว่าตนโดนหลอกแน่นอน เพราะมีชาวบ้านในละแวกนั้น เป็นลูกสะใภ้ของแม่ฝ่ายหญิง ซึ่งเขาได้มาเล่าประวัติของอดีตเจ้าสาวตน ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เคยไปหลอกเอาเงินใครมาบ้าง