พิธา-ชลน่าน กอดคอยืนยัน ก้าวไกล-เพื่อไทย จะอยู่ร่วมกันตลอดไป

เช้านี้ที่หมอชิต - ข่าวนี้จะทำให้หัวใจของชาวด้อมส้มชื่นบานหายห่วงแน่นอน เพราะการประชุมร่วม 8 พรรคการเมือง ณ ที่ทำการพรรคประชาชาติ เมื่อวานนี้ มีแต่รูปหวานชื่น โดยเฉพาะ คุณพิธา กับ คุณหมอชลน่าน ที่บอกว่าจากนี้จะสร้างแต่ดีลเลิฟ สยบทุกดีลลับกันไปเลย มีทั้งภาพกอดคอ จับมือ ยิ้มหวาน ประกบมือรูปหัวใจ แบบนี้ภาษาวัยรุ่นเรียกว่า เรือพิน่าน แฟนคลับส้มแดงต่อเรือแล่นฉิวพากันตั้งรัฐบาลแน่นอน

 

ไปที่การแถลงกันบ้าง ไปฟังทางฝั่ง นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กันก่อน คุณหมอบอกว่า พวกเราได้รับมอบอาณัติจากประชาชนรวมกัน 25 ล้านเสียง เพราะฉะนั้นเจตจำนงของประชาชนเช่นนี้ เพื่อไทย และ ก้าวไกล ปฏิเสธไม่ได้ เราจะทำความฝันของประชาชนให้บรรลุ คือ รัฐบาลจากฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ที่ต้องการปิดกั้นอำนาจไม่ชอบธรรมทั้งหลาย เป็นการมัดที่แน่น เป็นข้อผูกมัดที่เราคำนึงถึงเป็นอย่างมาก และให้ความมั่นใจว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอด พอพูดจบคุณหมอยังพูดหยอดตอนท้ายกับสื่ออีกว่า หวานไหม หวานไหม จากนั้นจึงกอดและจับมือ นายพิธา พร้อมพูดว่า ขอเน้นย้ำไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เพื่อตั้งรัฐบาลของพี่น้องประชาชนให้ได้

 

ในช่วงหนึ่ง คุณหมอชลน่าน ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภา ที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลต่างต้องการเก้าอี้นี้ และเป็นที่มาของบรรยากาศมึนตึงของแฟนคลับ 2 พรรค ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าคณะเจรจาได้ข้อสรุปที่ดีมาก คือ การเจรจาตำแหน่งประธานสภา ต้องไม่เป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล การพูดถึงตำแหน่งประธานสภา ต้องตัดว่าเป็นโควตาของพรรคใดออกไป ต้องจับมือกันเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด จะเป็นใครก็ได้ที่เป็นความเห็นร่วมกันของ พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย สำคัญที่สุด คือ ตำแหน่งประธานสภาต้องสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาล

 

ผลการประชุม 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล เมื่อวานนี้ คุณพิธา นั่งหัวโต๊ะ โดยมีตัวแทนจากพรรคร่วม ได้แก่ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ พรรคไทยสร้างไทย, นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม และ นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมแผนงานการทำงานร่วมกันหลังการลงนาม MOU

 

หลังการประชุม คุณพิธา ได้ออกมาแถลงกับสื่อมวลชน ระบุว่า หัวหน้าพรรคทั้ง 8 พรรค มีมติร่วมกันในการจัดตั้ง คณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน ประกอบด้วยบุคลากรดังต่อไปนี้

 

1. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานคณะกรรมการการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน

2. ศิริกัญญา ตันสกุล ตัวแทนจากพรรคก้าวไกล

3. ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย

4. ทวี สอดส่อง ตัวแทนจากพรรคประชาชาติ

5. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ตัวแทนจากพรรคไทยสร้างไทย

6. วิรัตน์ วรศสิริน ตัวแทนจากพรรคเสรีรวมไทย

7. กันต์วีร์ สืบแสง ตัวแทนจากพรรคเป็นธรรม

8. วสวรรธน์ พวงพรศรี ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทรวมพลัง

9. เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ ตัวแทนจากพรรคพลังสังคมใหม่

 

คณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่านจะประชุมครั้งต่อไปในการกำหนดวาระการประชุมในวันอังคารที่ 6 มิถุนายน 2566 นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นอีก 7 คณะ ดังต่อไปนี้

 

คณะทำงานที่ 1 คณะทำงานด้านค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล และราคาพลังงาน

คณะทำงานที่ 2 คณะทำงานด้านภัยแล้ง เอลนีโญ

คณะทำงานที่ 3 คณะทำงานด้านการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

คณะทำงานที่ 4 คณะทำงานด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

คณะทำงานที่ 5 คณะทำงานด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมและ PM2.5

คณะทำงานที่ 6 คณะทำงานด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและ SME

คณะทำงานที่ 7 คณะทำงานด้านการแก้ปัญหายาเสพติด

 

จากนั้น คุณพิธา ได้ตอบคำถามจากสื่อมวลชนในหลายประเด็น เช่น เรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า จะเป็นการพูดคุยเฉพาะพรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล ยืนยันจะทำให้เร็วและเหมาะสมที่สุดตามกรอบของกฎหมาย ส่วนกรณีที่ นายสมชาย แสวงการ สว. ออกมาเปิดเผยว่า มีการข่มขู่ สว. ถึงหน้าบ้าน เพื่อให้โหวตเลือก นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าเห็นแต่พาดหัวข่าวแต่ยังไม่เห็นรายละเอียด อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าไม่มีการข่มขู่ มีแต่การพูดคุยเรื่องการรักษาระบบของรัฐสภา และหาทางออกของบ้านเมือง ซึ่งการเจรจาเป็นไปในทิศทางที่ดี

 

เมื่อถามถึงนโยบายของพรรคก้าวไกลที่ถูกตั้งคำถาม เช่น นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน นายพิธา กล่าวว่า เบื้องต้นมีการพูดคุยกับสภาอุตสาหกรรม และจะพูดคุยกับสภาหอการค้าต่อไป ยืนยันว่า จำเป็นที่จะต้องขึ้นค่าแรง แต่หากหน่วยงานเอกชนสะท้อนปัญหาก็พร้อมที่จะรับฟัง และจะใช้กลไกคณะกรรมการสร้างความชัดเจนขึ้น

 

เมื่อถามว่ามีความกังวลเรื่องการถือหุ้นไอทีวีที่มีการยื่นร้องต่อ กกต. หรือไม่ คุณพิธา ตอบว่า ไม่เป็นเรื่องที่ต้องกังวล เพราะรายละเอียดและหลักฐานได้ปรึกษาทีมกฎหมายแล้ว เรื่องนี้อยู่ในกระบวนการ จึงสามารถตอบได้เท่านี้