“วิโรจน์” ยังขุดไม่เลิก ประเด็นปัญหา “สติกเกอร์ส่วย” ที่ใช้ในการผ่านด่านของบรรดารถบรรทุก ขณะที่นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน ยืนยันเรื่องนี้ โยงไปถึงนักการเมือง และบิ๊กข้าราชการ
“วิโรจน์” ขุดไม่เลิก ! ปมสติกเกอร์ส่วยรถบรรทุก
ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ภายหลังนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาโพสต์แฉปมสติกเกอร์ส่วย Easy Pass เป็นตราสัญลักษณ์ต่าง ๆ บางอันเป็นสติกเกอร์ “เรารักประเทศไทย” ที่วิ่งได้เฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สนนราคาค่าธรรมเนียมสูงถึง 25,000 บาทต่อเดือนต่อคัน เมื่อติดสติกเกอร์อันนี้แล้ว สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 70-100 ตัน ไม่ต้องห่วงเรื่องผ่านตราชั่ง
ขณะที่ล่าสุดนายวิโรจน์ ได้โพสต์ภาพสติ๊กเกอร์ “พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง” version 6.0 หรือเดือน 6 พร้อมระบุข้อความประกอบว่า “ยังอยู่ระหว่างการเช็คบิลแท้ๆ นี่ก็ยังอุตส่าห์กล้า Update Firmware เป็นเดือน 6 อีกหรือครับเนี่ย ผู้ผลิตสติ๊กเกอร์ ก็คงแค่ผลิตออกมา ตามความเคยชินที่ทำมาเป็นสิบๆ ปี แต่ผมเชื่อว่า กรมทางหลวง และกองบังคับการตำรวจทางหลวง ไม่น่าจะยอมให้สติ๊กเกอร์ดังกล่าว มาติดบนกระจกรถบรรทุก เย้ยกฎหมายอย่างแน่นอน”
นอกจากนี้ นายวิโรจน์ ยังโพสต์คลิปสติกเกอร์บางอัน ถูกแกะออกจากรถบรรทุกแล้ว อย่างเช่นสติกเกอร์ เป็นตราสัญลักษณ์กระต่าย
แฉ “สติ๊กเกอร์ส่วย” โยงถึงนักการเมือง-บิ๊กข้าราชการ
ขณะที่นายวิชัย สว่างขจร นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน ยืนยันว่า สติกเกอร์ Easy Pass พิสดาร มีมานานแล้ว และมีสติกเกอร์หลายแบบ เมื่อสติกเกอร์แบบเดิมหมดอายุ หรือถูกกวาดล้าง ก็จะมีการปรับเปลี่ยนเป็นสติกเกอร์รูปแบบใหม่ โดยขบวนการเหล่านี้ เป็นขบวนการที่ใหญ่มาก ตั้งแต่ระดับนักการเมือง ลงมาถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงาน เพราะถ้าไม่ทำเป็นขบวนการอย่างนี้ จะไม่สามารถเคลียร์ค่าผ่านทางได้อย่างแน่นอน
ส่วนกลุ่มรถบรรทุกที่ติดสติกเกอร์เหล่านี้ เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ต้องบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด สาเหตุมาจากการแข่งขันด้านขนส่งสินค้า และการผ่อนรถบรรทุก มีต้นทุนสูงมาก บางคนได้เงินมาจากการขนส่งสินค้า ผ่อน 7 ปีก็ยังไม่หมด จึงต้องไปหาวิธีที่ผิดกฎหมาย เพื่อเพิ่มรายได้ให้ตัวเอง
ตร.แจง “สติกเกอร์ส่วย” เป็นปัญหาปลายเหตุ
ปิดท้ายที่ พล.ต.ต. เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า ตอนนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา หากพบว่ามีผู้ประกอบการรายใด หรือเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปเกี่ยวข้อง จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด
เบื้องต้นยอมรับว่า ปัญหาเรื่องส่วย เป็นปัญหาที่มีมานาน แต่เรื่องส่วย เป็นแค่ปัญหาปลายเหตุ เพราะต้นเหตุเกิดจากรถบรรทุกหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด ฉะนั้นต้องแก้ปัญหาในภาพรวม ตั้งแต่ต้นเหตุ แล้วค่อยไล่มาที่ปลายเหตุ อย่างปัจจุบัน กฎหมายให้ดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ ไม่ใช่ผู้ประกอบการรถบรรทุก เมื่อผู้ประกอบการไม่ได้รับผลกระทบ จึงเกิดการกระทำความผิดซ้ำ ๆ ดังนั้นอาจต้องพิจารณาแก้ไขกฎหมาย เช่น หากจับรถบรรทุก 1 คัน พบว่าบรรทุกหนักเกิน 20% ก็ให้สั่งยึดรถของผู้ประกอบการรายดังกล่าว
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35