เช้านี้ที่หมอชิต - รองศาตราจารย์ด็อกเตอร์ อนุสรณ์ อุณโณ นักวิชาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า หากทาง สว.ลงมติที่ฝืนกับมติของประชาชน จะยิ่งทำให้การเมืองไทยไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงครั้งใหญ่ เพราะผลเลือกตั้ง จำนวนผู้ลงคะแนนเสียงให้ พรรคก้าวไกล และพรรคอันดับ 2 คือ พรรคเพื่อไทย มีจำนวนมากเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ
คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งถูกเชิญไปพูดคุยบนเวที ชุมนุม สว.ต้องไม่สวนมติประชาชน ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวเช้านี้ที่หมอชิตว่า ขณะนี้สังคมไทยกำลังเจอสภาวะการณ์ใกล้เคียงกับยุคก่อนยุบพรรคอนาคตใหม่ คือมีองค์กรอิสระอาศัยกลไกในรัฐธรรมนูญสกัดการขึ้นมามีอำนาจของตัวแทนของประชาชนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เพียงแต่เปลี่ยนตัวละครจากศาลรัฐธรรมนูญ มาเป็น สว.
เท่าที่มีตัวแทนบางคนออกมาให้สัมภาษณ์ น้ำเสียงยังดูเหมือนว่า ไม่ค่อยเห็นด้วยเสียงเรียกร้องของประชาชนสักเท่าไร บรรยากาศไม่ต่างกับก่อนมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพียงแต่พรรคอนาคตใหม่ขณะนั้น ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับพรรคก้าวไกลปัจจุบันนี้ เมื่อบวกกับเสียงของพรรคอันดับ 2 คือ พรรคเพื่อไทย นี่จึงกลายเป็นเสียงส่วนใหญ่ของสังคม ซึ่งหากตัว สว.สำคัญตัวเองว่า เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายอำนาจเก่า มีกฎหมาย มีปืน มีรถถัง ที่จะกดประชาชนเอาไว้ได้ อันนี้คือความน่ากังวลว่าจะผลักสังคมไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงครั้งใหญ่
อาจารย์อนุสรณ์ ระบุอีกว่า สิ่งที่ทำได้ขณะนี้ คือ การส่งเสียงให้ทาง สว.กลับมาเคารพในกติกา เคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนเสียที เพราะถ้าฝืนดันทุรังไปมีแต่ทำให้สังคมบอบช้ำ แต่ที่ประเมินจากท่าทีขณะนี้ แม้กระแสเสียงกดดันไปตกที่ สว. แต่ก็เห็น สว.กลุ่มหนึ่ง ใช้การเดินหมากที่แข็งกร้าว คล้ายกับก่อนยุบพรรคอนาคตใหม่ เพียงเปลี่ยนหมากเล่นจากศาลรัฐธรรมนูญมาเป็น สว.
แต่ครั้งนี้ยืนยันได้ว่า สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ฐานของอนาคตใหม่ที่กลายเป็นก้าวไกลได้ขยายฐานกว้างมากขึ้น แต่ อาจารย์อนุสรณ์ ซึ่งมองว่า มีอำนาจบางอย่างควบคุม สว. จึงยังหวังลึก ๆ ว่า คนที่มีอำนาจจะส่งสัญญาณให้ สว.ตัดสินใจอย่างถูกต้อง
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/Mlg_qEIzWv8
+ อ่านเพิ่มเติม