ขึ้นเวทีเดียวกันอีกครั้ง “พงษ์ศิริ - แสนศิริ พีเค.แสนชัยฯ” ลั่นขอทำหน้าที่ให้สุดฝีมือ นอกจากเพื่อชัยชนะและคว้าโบนัสคู่กันแล้ว ยังหวังเปิดประตูสู่ศึกใหญ่ ONE ในอนาคต
“แฝดอโยธยา” พงษ์ศิริ - แสนศิริ พีเค.แสนชัยมวยไทยยิม สองพี่น้องฝีมืออันตราย ได้คิวกลับมาขึ้นชกรายการเดียวกันในรอบหลายปีในศึก ONE ลุมพินี 18 ทั้งคู่ประกาศลั่นขอทำผลงานสุดฝีมือให้ทุกคนได้จดจำ ลุ้นถึงขั้นหยิบโบนัสแบบแพ็คคู่ สร้างโอกาสไต่บันไดไปเฉิดฉายใน ONE
โปรแกรมนี้ “พงษ์ศิริ” แฝดผู้น้องจะได้ขึ้นชกเป็นคู่เอกเจอกับ “ไทสัน แฮร์ริสัน” มวยดุจากออสเตรเลีย ขณะที่ “แสนศิริ” แฝดผู้พี่จะกลับมาแก้มือปะทะ “ฤทธิ์ แก้วสัมฤทธิ์” มวยเก๋าร่วมรุ่น โอกาสนี้เราขอพาไปทำความรู้จัก “แฝดอโยธยา” ให้มากขึ้น กับเรื่องราวความผูกพันสองพี่น้องนักสู้ที่ไม่มีวันตัดขาดกัน
#เกิดกรุงเทพ, โตโคราช, สร้างชื่ออยุธยา
ชีวิตในวัยเด็กของ “พงษ์ศิริ - แสนศิริ” เต็มไปด้วยความโลดโผน ตัวติดกันอยู่กันแบบเรียบง่าย เริ่มชกมวยด้วยความสนุกตามประสาเด็กผู้ชาย ซึ่งก็มีเรื่องทะเลาะลงมือกันเองบ้างเป็นธรรมดา
แสนศิริ : “ผมสองคนเกิดที่กรุงเทพครับ ก่อนแม่จะพาย้ายไปโตอยู่ที่โคราช พออายุได้ 8 ขวบถึงย้ายมาอยู่ที่อยุธยา แล้วได้มาเริ่มชกมวยที่นี่ด้วยกันทั้งสองคนเลยครับ พอมีงานวัดจะมีผู้ใหญ่มารับผมทั้งสองคนไปเปรียบมวย ตอนนั้นพวกผมแทบไม่ต้องซ้อมอะไรเลยมีหน้าที่แค่ขึ้นชกอย่างเดียวครับ”
พงษ์ศิริ : “จะเรียกพวกผมว่าเป็น คนอยุธยา ก็ได้ครับ เพราะเราอยู่ที่นั่นกันนานที่สุดแล้ว ตอนนั้นได้ค่าตัวประมาณ 150 บาท พอได้เงินพวกผมก็เอาไปซื้อของเล่นมาเล่นด้วยกันครับ ส่วนเรื่องทะเลาะกันเองก็มีประจำด้วยเรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ สุดท้ายก็มาโดนหัวหน้าค่ายลงโทษตีทั้งคู่แล้วก็มาร้องไห้ด้วยกันครับ”
#เรียกพวกผมว่า “แฝดอโยธยา”
ในวัยเด็กทั้งคู่เดินสายขึ้นชกบนเวทีภูธรร่วมกันอยู่เป็นประจำ ทำให้ความผูกพันแน่นแฟ้นเพิ่มมากขึ้น ไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่ก็ยิ่งคล้ายคลึงกัน ก่อนกลายเป็นมวยแฝดอันตรายจากเมืองกรุงเก่าที่ผู้คนรู้จักดี
พงษ์ศิริ : “เมื่อก่อนพวกผมสองคนเดินสายชกมวยพร้อมกันเป็นประจำครับ มีครั้งหนึ่งไปชกที่ จ.สระบุรี แล้วโฆษกสนามมวยเขาก็เห็นพวกผมเป็นประจำรู้ว่ามาจากอยุธยา เขาเลยประกาศเรียกว่า ‘มาแล้วครับแฝดจากอโยธยา’ จากนั้นมาพวกผมก็ใช้ชื่อ “แฝดอโยธยา” ในการชกมาตลอดเลยครับ”
แสนศิริ : “ในความเป็นฝาแฝดผมคิดว่าเราเหมือนกันเกือบทุกอย่างเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการกิน การแต่งตัว บางทีเราก็ชอบผู้หญิงคล้ายกันด้วยครับ (หัวเราะ) โดยเฉพาะเรื่องสไตล์การชกเราก็ยิ่งคล้ายกันครับ เป็นมวยชอบเดินบู๊ทั้งคู่ ถ้าร่างกายผมพร้อมสมบูรณ์ยังไงผมก็เดินบู๊แลกกับคู่ต่อสู้แน่นอนครับ”
#ห่างไกลแต่ไม่ห่างเหิน
ในช่วงวัยที่เติบโตขึ้น สุดท้ายแล้วทั้ง “พงษ์ศิริ” และ “แสนสิริ” ต่างก็ต้องมีเส้นทางที่ตัวเองเลือกเดิน แต่ก็ยังมีถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอยู่ตลอด และยังคงต่อกันติดแม้ต้องห่างกันไปเป็นหลายปีก็ตาม
แสนศิริ : “มีช่วงหนึ่งเราทั้งสองคนต้องไปเป็นทหารใหม่สองปีครับ แต่พอปลดแล้ว “พงษ์ศิริ” ย้ายไปอยู่กับค่าย พีเค.แสนชัยฯ ส่วนผมสมัครนายสิบแล้วอยู่ที่ค่ายทหารต่อครับ เวลาใครมีโปรแกรมขึ้นชกเราก็ส่งกำลังใจให้กันตลอด จนกระทั่งมีข่าวว่าจะมี ONE ลุมพินี ขึ้นมา ผมก็เลยตัดสินใจย้ายตามมาอยู่ด้วยครับ”
พงษ์ศิริ : “ผมมาอยู่ที่ค่าย พีเค.แสนชัยฯได้ 8-9 ปี แล้วครับ ตอนนั้นผมเดินสายชกเวทีหลักได้แชมป์มาเกือบทุกเวที แล้วพอได้มาเซ็นสัญญากับ ONE ก็ทำให้ชีวิตผมดีขึ้น พี่เขาก็สนับสนุนให้กำลังใจผมมาตลอด แล้วก็ทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมตามไปด้วย เขาอยากเข้าไปชกในศึกใหญ่ ONE ให้ได้เหมือนกันครับ”
#ประกาศศักดา “แฝดอโยธยา”
หลังจากต้องแยกทางกันตั้งแต่อายุ 18 ปี ตอนนี้ “ฝาแฝดอโยธยา” ได้กลับมาซ้อมร่วมกันอีกครั้งในรอบกว่า 10 ปี ต่างคอยส่งกำลังใจให้กันและหวังคว้าชัยชนะเหมือนกันให้ได้ แม้ภารกิจนี้จะไม่ง่ายก็ตาม
แสนศิริ : “ผมรู้สึกดีใจมากครับที่จะได้ขึ้นชกพร้อมกันอีกครั้งครับ เราสองคนไม่ได้ขึ้นชกมานานมากแล้ว เมื่อมีโอกาสต้องทำให้ดีที่สุดครับ ผมเก็บตัวมาสองเดือนกว่าแล้วไม่เคยได้ซ้อมหนักขนาดนี้มาก่อนเลย ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นครับ จุดแข็งของ ฤทธิ์ ปล่อยหมัดเตะขาดี ซึ่งผมได้เตรียมลูกแก้ไว้แล้วครับ”
พงษ์ศิริ : ส่วนผมต้องเจอ ไทสัน ที่ตอนนี้เป็นมวยที่มาแรงมากครับ เขาตัวสูงใหญ่และแข็งแรงมาก ตอนที่เขาชกกับ เสกสรร เป็นไฟต์ที่มันมาก เขาได้เปรียบเรื่องรูปร่างและสู้ออกมาได้ดีเลยครับ ตอนนี้ผมเตรียมแผนมารับมือไว้แล้ว ผมตั้งใจมากที่จะเอาชนะให้ได้ เปิดโอกาสได้ไปชก ONE อีกครั้งครับ
แสนศิริ : “เวลาเราสองคนได้ขึ้นเวทีพร้อมกันจะพูดกันอยู่เสมอว่าอยากให้ชนะทั้งสองคนไปเลยครับ ซึ่งส่วนมากจะให้ชนะพร้อมกันถือว่ายากอยู่ครับ ในไฟต์นี้ผมอยากให้เราทั้งคู่คว้าโบนัสได้ทั้งสองคนเลยครับ โชว์ผลงานให้ออกมาสวย ๆ มีรายการชกพร้อมกันแล้วก็อยากเอาชนะให้ได้ทั้งสองคนไปเลยครับ”
พงษ์ศิริ : “ไฟต์วันที่ 26 พ.ค.นี้ พวกผมจะทำให้เต็มที่อย่างแน่นอนครับ ไม่ว่าผลจะออกมาแพ้ หรือ ชนะ ก็จะชกออกมาให้มันให้ดุเดือดที่สุดครับ อีกอย่างมันเป็นรายการระดับโลก อยากเอาชนะให้ได้ทั้งคู่ไม่ให้เสียชื่อ “แฝดอโยธยา” ครับ อยากควงกันแจ้งเกิดที่ ONE อยากมีชื่อเสียงโด่งดังอีกครั้งด้วยครับ”