เช้านี้ที่หมอชิต - ศาลอาญาพิพากษาจำคุก นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. คดีปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เมื่อปี 2550 หลังพิเคราะห์ว่ามีความผิดจริง ส่วนจำเลยอีกคนสั่งยกฟ้อง เพราะหลักฐานไม่แน่นหนาพอ
ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. และนายศราวุธ หลงเส็ง ผู้ชุมนุม นปช. เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 จากกรณีเมื่อปี 2550 ได้ร่วมกันนำผู้ชุมนุมไปปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพื่อกดดันให้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษลาออก เนื่องจากเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจจากรัฐบาล เมื่อปี 2549
คดีนี้ อัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญา เมื่อปี 2557 ในคำฟ้องระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 แกนนำและแนวร่วม นปช. นำขบวนผู้ชุมนุมหลายพันคน จากเวทีปราศรัยบริเวณท้องสนามหลวง ไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อเรียกร้องกดดันให้พลเอกเปรมลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากพวกจำเลยและกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นว่า พลเอกเปรม อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการที่มี พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
เบื้องต้น นายจตุพร ให้การปฏิเสธ แต่ระหว่างการพิจารณาขอกลับคำให้การจากเดิมเป็นรับสารภาพ และได้รับการประกันตัว ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 คือ นายจตุพร กระทำผิดจริงต่างกรรมต่างวาระ จึงพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี แต่จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาในชั้นพนักงานสอบสวน จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 1 ปี 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
ส่วนจำเลยที่ 2 คือ นายศราวุธ ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากสืบพยานแล้วไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นเพียงพอ เชื่อได้ว่ากระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา อีกทั้งจำเลยที่ 2 ไม่ใช่แกนนำในการร่วมชุมนุม
ขณะที่ นายจตุพร ได้ยื่นขออุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว พร้อมวางหลักทรัพย์เป็นเงิน 300,000 บาท เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาขอปล่อยตัวชั่วคราว
หลังฟังคำพิพากษา นายจตุพร ได้เดินกลับออกมาจากศาล พร้อมมีสีหน้ายิ้มแย้ม พูดกับสื่อมวลชนสั้น ๆ ว่าไม่กังวล หรือเครียด เพราะคาดไว้แล้วว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร อีกทั้งที่ผ่านมาก็เคยรับโทษจำคุกมาแล้ว 5 ครั้ง
ผมได้สัมภาษณ์เปิดใจ นายจตุพร เจ้าตัวบอกว่าเตรียมใจมาตั้งแต่ต้น ยอมรับในสิ่งที่ทำลงไป พร้อมเผยว่าวันพิพากษาศาลชั้นต้น ในสำนวนแรก เมื่อปี 2558 ได้พูดคุยกับพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีด้วย
หลังจากนี้จะยื่นอุทธรณ์ฎีกาต่อไป นอกจากนี้ยังมีคดีทางการเมืองอื่นอีก 3-4 คดีหลัก ๆ ที่รอฟังคำพิพากษาศาล และจะออกแบบชีวิตติดคุกในคราวเดียวกัน
ในบรรดาแกนนำ นปช. เขาโดนคดีมากที่สุด ทุกวันนี้ยืนอยู่ท่ามกลางความยากลำบาก และตอนนี้ทุกเรื่องได้ปิดฉากลงแล้ว เช่นเดียวกับเส้นทางการเมือง เมื่อถามถึงมุมมองอนาคตทางการเมืองไทยหลังจากนี้เป็นอย่างไร ไปฟังเสียงกัน
นายจตุพร มองว่า พรรคก้าวไกล ที่ขณะนี้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวบรวมได้ 313 เสียง มี สว.จำนวนไม่มากพอ อาจจะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทย ถูกมองว่าเป็นพี่ใหญ่จริงใจกับน้อง ตอนนี้นักการเมืองเก่าเห็นปลายทางเหมือนกัน คือ หากคุณพิธาสะดุด ส้มอาจหล่นไปที่พรรคเพื่อไทย
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35