อดีตสามี “แอม ไซยาไนด์” ย่องรับทราบข้อหา ร่วมทำลายพยานหลักฐาน

เช้านี้ที่หมอชิต - อดีตสามีแอมไซยาไนด์ ปัดตอบคำถามสื่อ หลังย่องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาร่วมทำลายพยานหลักฐาน ด้าน บิ๊กโจ๊ก เผยมีบุคคลเข้าไปยุ่งกับหลักฐานอีก 4-5 คน อยู่ระหว่างสอบปากคำ

 

วานนี้ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดี แอมไซยาไนด์ ว่าได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำลายพยานหลักฐานกับ พันตำรวจโท วิฑูรย์ อดีตสามีของแอมไซยาไนด์ หลังสืบสวนพบพยานหลักฐานที่เชื่อว่า พันตำรวจโท วิฑูรย์ เป็นผู้ก่อเหตุนำกระเป๋าของก้อยไปซุกซ่อนไว้ ก่อนส่งไปให้แก้วที่จังหวัดเพชรบุรี พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหาเป็นตำรวจ รู้อยู่แล้วว่าของที่ได้มาคือกลางในคดี แต่ไม่นำมามอบให้กับพนักงานสอบสวน กลับนำไปให้บุคคลอื่นจึงถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย

 

รองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ ยังกล่าวอีกว่า กรณีที่มีบุคคลอื่นเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง 4-5 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำในฐานะพยาน คาดว่าสัปดาห์หน้าจะรวบรวมสำนวนคดีทั้งหมดส่งฟ้องได้ ส่วนวันนี้ที่จะมีการเข้าสอบปากคำแอมอีกครั้งที่ทัณฑสถานหญิงกลางตามที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านั้น พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องดูสำนวนคดีของตำรวจภูธรภาค 7 ก่อนว่ามีส่วนไหนที่ต้องเข้าไปถามข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีหรือไม่

 

ยังมีรายงานข่าวว่า หลังมีการแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำลายพยานหลักฐาน อดีตสามีของแอมก็เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ทันที และไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ กับผู้สื่อข่าว ก่อนที่พนักงานสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 7 และกองปราบปรามจะได้ร่วมกันสอบปากคำ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา จากนั้นจึงปล่อยตัวกลับไป เนื่องจากไม่ปรากฏพฤติการณ์หลบหนี และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง

 

ส่วนกรณีที่สารภาพว่า นำไซยาไนด์ให้ก้อยเพื่อใช้ผสมยาเสพติดในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งได้รับสูตรพร้อมไซยาไนด์มาจากนายแด้นั้น เรื่องนี้ทาง รองศาสตราจารย์ วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า แอมน่าจะมีที่ปรึกษาที่มีความรู้อยู่ภายนอกที่พอรู้แนวทางการต่อสู้คดี โดยที่ผ่านมาเคยมีการต่อสู้คดีในลักษณะเช่นนี้ที่ประเทศอินโดนีเซียมาก่อน ซึ่งข้อเท็จจริงที่ว่านำไซยาไนด์ไปผสมยาเสพติดนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสารเสพติดที่เกี่ยวข้องกับไซยาไนด์มี 3 ชนิด ที่เป็นสารตั้งต้นใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด ซึ่งจากที่ประชุม ครม. เมื่อปี 2565 มีคำสั่งให้ควบคุมสารเหล่านี้แล้ว และไซยาไนด์ที่ตรวจพบในคดีแอมนั้นเป็นแบบเกลือไซยาไนด์ ซึ่งถือว่าเป็นยาพิษ และแอมไม่น่าจะมีความรู้พอจะผลิตยาเสพติดขึ้นเองได้