“ทิม พิธา” แถลงประกาศชัยชนะเลือกตั้ง พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย จับมือ 5 พรรคการเมือง ร่วมตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ไปดูบรรยากาศเปิดการแถลง
“พิธา” พร้อมเป็นนายกฯ ตั้ง 5 พรรคร่วมรัฐบาล
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดประโยคแรกของการแถลงข่าว แนะนำตัวว่าเป็น ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ก่อนจะเริ่มแถลงว่า พรรคก้าวไกลพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล น้อมรับเสียงจากพี่น้องประชาชน พลิกขั้วจากพรรคฝ่ายค้านเดิม และพร้อมจะเป็นนายกฯ ของคนไทยทุกคน
นายพิธากล่าวต่อว่า ได้โทรศัพท์ไปหา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย แสดงความยินที่มีความมุ่งมั่นหาเสียง พร้อมเชิญชวนร่วมตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ 5 พรรคที่พูดถึงมี พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย ซึ่งจะรวมกันเป็น 308 เสียง และได้ติดต่อไปยัง พรรคเป็นธรรม ซึ่งจะทำให้รวมเป็น 309 เสียง คิดว่าเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ปิดประตูการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย
ซึ่งล่าสุดเมื่อผลคะแนนจาก กกต. พรรคก้าวไกล เพิ่มมาเป็น 152 ที่นั่ง นั่นหมายความว่า เสียงที่จะได้ เมื่อรวมกันแล้ว จะได้ 310 เสียง
และล่าสุด “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรคเป็นธรรม” ได้ประกาศ ยินดีร่วมรัฐบาลแล้ว โดย 5 พรรคพร้อมพูดคุยในรายละเอียดทั้งเรื่องคน นโยบาย แผนการทำงาน และจำเป็นต้องทำ MOU เหมือนกับสากล ให้ประชาชนเห็นได้ว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย 100 วัน และ 1 ปี จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดไม่นำพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อความเด็ดขาดในการปิดสวิตช์ สว. นายพิธา ตอบว่า ไม่จำเป็น การที่ขั้วฝ่ายค้านตั้งรัฐบาล 300 กว่าเสียงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เชื่อว่าไม่มีใครกล้าฝืนฉันทามติประชาชน ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้โทรมาหา
ส่วนจุดยืนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 นั้น ขณะนี้ทุกเรื่องยังไม่คุยในรายละเอียดกับแต่ละพรรค แต่เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 สามารถทำได้ในสภาฯ แต่ที่มากกว่าการแก้ไขคือ ทบทวนผู้ได้รับผลกระทบจากคดีการเมืองทั้งหมด และโอกาสนิรโทษกรรม เพราะเป็นห่วงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่กับสถาบันฯ ถ้าไม่รีบพูดคุย อาจเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ของการเมืองไทยที่ตนไม่อยากเห็น ส่วนเรื่องคดีการถือหุ้นสื่อ ก็ไม่ได้กังวล พร้อมชี้แจงต่อ กกต.
ประวัติ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ว่าที่นายกฯ คนที่ 30
เปิดประวัติ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จาก พรรคก้าวไกล ว่าที่ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 กว่าจะมายืน ณ จุดนี้
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2523 เป็นบุตรชายคนโตในบรรดาพี่น้อง 2 คนของ พงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ ลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ มีน้องชาย 1 คน
พิธา เข้าเรียนที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น จากนั้นไปศึกษาต่อชั้นมัธยมตอนปลายที่ประเทศนิวซีแลนด์ และจบปริญญาตรี สาขาการเงิน ภาคภาษาอังกฤษ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท การเมืองการปกครอง สาขาการบริหารภาครัฐ ที่ John F. Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปริญญาโท การบริหารธุรกิจ Sloan สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์
ชีวิตส่วนตัว พิธา เคยสมรสกับนักแสดงชื่อดัง แต่หย่าร้างไปแล้ว โดยมีบุตรสาว 1 คนคือ น้องพิพิม ลิ้มเจริญรัตน์
ส่วน เส้นทางการเมือง พิธา ก้าวเข้าสู่วงการเมืองด้วยการเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี ประจำกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง ต่อมา สมัครเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ และได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคในลำดับที่ 4 และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งแรกที่ลงรับเลือกตั้ง โดย พิธา ได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่
การอภิปรายครั้งแรกในสภาของเขาเรื่องนโยบายทางการเกษตรของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหากระดุม 5 เม็ด ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน ผู้ชมผู้ฟังการประชุมสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถึงขนาดที่ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังเอ่ยปากชื่นชม
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563 ในวันที่ 8 มี.ค. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็ได้ย้ายไปสังกัดพรรคก้าวไกลร่วมกับอดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่อีก 54 คน โดยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค